โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6,10, 12, 15 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบของกลาง และจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12 (ที่ถูก มาตรา 12 (1)), 15 จำคุก 4 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน ริบของกลางและจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ที่จำเลยฎีกาในทำนองว่า เงินสด 103,850 บาท ที่เจ้าพนักงานยึดได้เป็นของกลาง ไม่ใช่เงินที่ได้มาจากการเล่นการพนันทั้งหมดนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดแจ้งแล้วว่า เงินสด 103,850 บาท ที่เจ้าพนักงานยึดได้นั้นเป็นทรัพย์สินพนันซึ่งจับได้ในวงการเล่น เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ จึงเท่ากับรับว่าเงินสด 103,850 บาท ที่เจ้าพนักงานยึดได้นั้นเป็นทรัพย์สินพนันซึ่งจับได้ในวงการเล่น ฎีกาของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้ว ทั้งยังเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ในชั้นฎีกา ซึ่งมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 4 อีกด้วย ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาข้อนี้ของจำเลย
ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมโพยหวยหุ้น 10 แผ่น เครื่องคิดเลข 2 เครื่อง ปากกา 5 ด้าม สมุดบัญชีรายรับรายจ่าย 1 เล่ม อันเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเล่นการพนัน และเงินสด 103,850 บาท อันเป็นทรัพย์สินพนันซึ่งจับได้ในวงการเล่นเป็นของกลาง แสดงว่าจำเลยสามารถสนองตอบต่อผู้ประสงค์จะเล่นการพนันกับจำเลยเป็นจำนวนมาก พฤติการณ์แห่งคดีน่าเชื่อว่า จำเลยไม่ได้เป็นเพียงเจ้ามือการพนันรายย่อย จำเลยไม่ได้คำนึงว่าการกระทำของตนก่อผลโดยตรงให้ประชาชนลุ่มหลงมัวเมาในอบายมุขอย่างกว้างขวาง กระทบต่อเศรษฐกิจและความสงบสุขของสังคม ทั้งยังอาจเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรมร้ายแรงอื่นตามมาอีกมากมาย พฤติการณ์นับว่าร้ายแรง การที่จะรอการลงโทษจำคุกและกำหนดมาตรการในการคุมความประพฤติแก่จำเลยจึงย่อมไม่เหมาะสมกับสภาพความผิดและไม่เพียงพอที่จะทำให้จำเลยเกรงกลัวหรือหลาบจำ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ในกรณีที่มีคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับ ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 ศาลจะพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้ก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยด้วย เพราะจำนวนเงินค่าปรับจะต้องนำมาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณว่าจะต้องจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเท่าใด เมื่อคดีนี้ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับ จึงไม่อาจจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับด้วย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับด้วย จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง"
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4