โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดขอ ตัวมีดยาวประมาณ 17 นิ้ว ด้ามมีดยาวประมาณ 7 นิ้ว ฟันนายทม ผู้เสียหายหลายทีบริเวณต้นแขนซ้ายโดยเจตนาฆ่า แต่ฟันไม่ถูกอวัยวะสำคัญเพราะผู้เสียหายหลบหลีกทันประกอบกับแพทย์ได้ทำการรักษาไว้ได้ทันท่วงทีผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตาย เพียงแต่เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บที่บริเวณแขนซ้ายเป็นอันตรายแก่กาย ต่อมาผู้มีชื่อนำมีดขอมอบให้พนักงานสอบสวนยึดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 288, 33 และริบของกลาง
ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธ เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจำเลยกลับให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ลงโทษจำคุก 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพหลังจากสืบพยานโจทก์ไปแล้ว เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288 ให้จำคุก 10 ปีชั้นจับกุม สอบสวน และพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 5 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ปัญหาวินิจฉัยมีว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าหรือเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย เห็นว่า ขณะที่จำเลยใช้มีดของกลางฟันผู้เสียหายครั้งแรก ผู้เสียหายกับจำเลยยืนเหลื่อมกันอยู่ในลักษณะมีเสาประตูรั้วคั่นดังภาพถ่ายหมาย จ.2ภาพที่ 1 ประกอบกับภาพถ่ายหมาย ป.จ.3 ภาพที่ 1 และจำเลยฟันตอนที่ผู้เสียหายหันหลังจะเดินกลับบ้านมารดา หากจำเลยมีเจตนาฆ่าโอกาสเป็นของจำเลยอยู่แล้ว เพราะจำเลยเป็นฝ่ายมีมีดของกลางผู้เสียหายมือเปล่า จำเลยต้องเลือกฟันที่อวัยวะสำคัญส่วนอื่นที่ไม่มีเสาประตูรั้วรับคมมีดอยู่ก่อนได้ส่วนที่จำเลยฟันผู้เสียหายครั้งที่สองนั้น จำเลยก็ฟันถูกบริเวณต้นแขนซ้ายบาดแผลผู้เสียหายได้รับรักษาหายภายใน 10 วัน ปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลเอกสารหมาย จ.3 และที่จำเลยฟันผู้เสียหายครั้งที่สาม จำเลยกับผู้เสียหายยืนในลักษณะเหลื่อมกันโดยมีเสาบ้านคั่นอยู่ ปรากฏตามภาพถ่ายหมาย ป.จ.3 ภาพที่ 4 คมมีดจึงถูกเสาบ้าน เมื่อพิเคราะห์ถึงลักษณะบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับ และขณะเกิดเหตุจำเลยมีอาการมึนเมาสุราตลอดจนพฤติการณ์ที่ปรากฏตามทางพิจารณายังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่านั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ให้ลงโทษจำคุก 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วมีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 เดือน 20 วัน ริบของกลาง.