ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานแจ้งความเท็จและออกบัตรประชาชนปลอม การกระทำเป็นกรรมเดียว
การที่จำเลยแจ้งต่อผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่า อ. พวกของจำเลยคือ ส. ทำบัตรประจำตัวประชาชนเดิมสูญหาย และวันเวลาเดียวกันนั้นจำเลยแจ้งให้ผู้เสียหายจดข้อความลงในคำขอมีบัตร มีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชนว่า บัตรประจำตัวประชาชนของ ส. สูญหาย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขออกบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ โดยจำเลยมีเจตนาเดียวก็เพื่อที่จะขอให้ผู้เสียหายออกบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ โดยจำเลยมีเจตนาเดียวก็เพื่อที่จะขอให้ผู้เสียหายออกบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ อ. ในชื่อของ ส. ให้ใหม่ การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นกรรมเดียวกัน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. บัตรประจำตัวประชาชนฯ มาตรา 14 (1) เป็นกรรมเดียวกันกับความผิดตาม ป.อ. มาตรา 137 และ 267 ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. บัตรประจำตัวประชาชนฯ มาตรา 14 (1) ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 นั้น ชอบแล้ว
จำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้าน แต่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนเพื่อช่วยเหลือพวกของจำเลยด้วยการแจ้งความเท็จและแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอให้ทางราชการออกบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่พวกของจำเลย ซึ่งเป็นเอกสารราชการที่ทางราชการจะออกให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะเท่านั้น การกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าวนอกจากจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการแล้ว ยังส่อแสดงถึงความไม่สุจริตของจำเลยกับพวกที่มีเจตนาจะนำเอาบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งปรากฏชื่อของผู้อื่นไปใช้ในทางมิชอบ พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยนับว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วางโทษจำคุกจำเลยก่อนลดโทษและใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว