โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกับพวกร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมดังกล่าว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268, 83และริบเอกสาร ช.5, ช.1 ปลอม
จำเลยให้การปฏิเสธ
นายประพัฒน์ อภิปุญญา เข้าเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยร่วมกับนายเตียกเม้ง แซ่ตั้ง พี่ชายของจำเลยปลอมเอกสารตามฟ้องของโจทก์ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 และ 83 ให้ปรับจำเลย 2,000 บาทให้ริบเอกสารปลอม 2 ฉบับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยเป็นผู้ปลอมหรือร่วมกับผู้ใดปลอมเอกสาร ส่วนการใช้เอกสารปลอมนั้นเชื่อว่าจำเลยร่วมกับนายเตียกเม้ง เป็นคนไปยื่นเอกสารดังกล่าวต่อนายไสวปลัดอำเภอ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเอกสารปลอม พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยว่ากระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน คือ จำเลยปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยปลอมเอกสาร ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยใช้เอกสารปลอม พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 จำเลยอุทธรณ์ โจทก์และโจทก์ร่วมไม่อุทธรณ์ ประเด็นข้อหาฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 จึงยุติแต่ศาลชั้นต้นแล้ว
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยปลอมเอกสารแต่ฟังว่าจำเลยใช้เอกสารปลอม พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์ในข้อหาความผิดว่าจำเลยปลอมเอกสารนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด โจทก์และโจทก์ร่วมไม่ฎีกา ข้อหาความผิดฐานปลอมเอกสารจึงยุติแต่ศาลอุทธรณ์ ไม่มีประเด็นมาสู่ศาลฎีกา ส่วนข้อหาความผิดฐานใช้เอกสารปลอม ซึ่งยุติไปตั้งแต่ศาลชั้นต้นนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัย คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในส่วนนี้จึงไม่ชอบ
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ ริบเอกสารช.5, ช.1