ได้ความว่าจำเลยได้รับหนังสืออนุญาตจากพนักงานเข้าหน้าที่ให้ขนย้ายข้าวเปลือกจากท้องที่ตำบลปากพนัง อำเภอปากพนังจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปยังท้องที่ตำบล ตลาด อำเภอเมืองจังหวัดสุราฏษร์ธานี กำหนดให้ขนย้ายภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันอนุญาต วันอนุญาตตรงกับวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๐๒ ครั้งวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๐๒ เวลาเกือบสว่าง จำเลยบรรทุกข้าวออกเดินทางจะไปจังหวัดสุราษฏร์ธานี และแวะอยุ่ที่บ้านนางพันในเขตอำเภอปากพนัง เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับในเวลาประมาณ ๑๐ น.
ศาลชั้นต้นฟังว่า ใบอนุญาตยังใช้ได้จนถึงวันที่ จำเลยถูกจับ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การนับระยะวเลาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๕๘ มิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลานั้นรวมคำนวณเข้าด้วย หนังสืออนุญาตจึงหมดกำหนดในวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๐๒ ที่จำเลยถูกจับนั้น จำเลยจึงยังไม่มีความผิด ตามนัยฎีกาที่ ๒๐๖๖/๒๔๙๙ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การนับระยะเวลาตามระมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๕๘ บัญญัติห้ามมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลารวมคำนวณเข้าด้วยวันอนุญาตตรงกับวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๐๒ ต้องเริ่มต้นนับ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๙ เดือนนั้นเป็นต้นไป จะครบกำหนด ๓๐ วันในวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๐๒ ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้แล้ว ตามที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นกล่าวนั้น
พิพากษายืน