โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทั้งสองเป็นลูกจ้างชั่วคราวโดยให้ทำหน้าที่ช่างไม้ โดยได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน โจทก์ทั้งสองได้ออกจากงานเพราะจำเลยขอลดค่าแรง จำเลยค้างชำระค่าจ้างโจทก์ทั้งสอง ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน600 บาท แก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 890 บาท
จำเลยให้การว่า จำเลยติดต่อโจทก์ที่ 2 ให้รับเหมาปลูกบ้านให้จำเลยตามแบบที่จำเลยกำหนดไว้ โจทก์ที่ 2 ตกลงโดยโจทก์ที่ 2เป็นผู้จัดเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง ส่วนวัสดุก่อสร้างจำเลยเป็นผู้ซื้อตามที่โจทก์ที่ 2 สั่ง คนงานโจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดหามาเองโดยความเห็นชอบของจำเลย ขณะทำการก่อสร้าง จำเลยมีสิทธิตรวจดูและทักท้วงตลอดจนบอกเลิกจ้างได้ ถ้าหากเกิดมีการเสียหายและโจทก์ที่ 2 จะต้องรับผิด โจทก์ที่ 2 เป็นผู้รับค่าแรงค่าจ้างไปแต่ผู้เดียวและนำไปจ่ายให้คนงานเอง โจทก์ที่ 2ทำการปลูกสร้างผิดแบบหลายประการด้วยความสะเพร่า จำเลยเห็นว่าไม่มีความสามารถเพียงพอจึงบอกเลิกไม่ให้ทำอีกต่อไปขณะที่บอกเลิกจำเลยค้างชำระค่าจ้างโจทก์ที่ 2 อยู่ 2,400 บาทแต่โจทก์ที่ 2 ยอมให้จำเลยใช้ค่าจ้างที่ค้างอยู่เป็นค่าแก้ไขส่วนที่ผิดและค่าเสียหาย ถ้าเหลือก็จะขอรับไปจ่ายให้คนงาน เมื่อแก้ไขแล้วปรากฏว่าจำเลยกลับจ่ายเกินไป 274 บาท โจทก์ที่ 1 เป็นลูกมือของโจทก์ที่ 2 ไม่เคยมีข้อตกลงผูกพันกับจำเลยไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้องเรื่องนี้ต่อศาลแรงงานกลางขอให้ยกฟ้อง และในการปลูกบ้านนี้ โจทก์ที่ 2 ได้ทำบ้านจำเลยผิดเสียรูปทรงไม่ได้มาตรฐานถ้าจะแก้ไขก็ต้องรื้อและทำใหม่เป็นเงิน120,000 บาท จึงขอฟ้องแย้งให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยตามจำนวนเงินดังกล่าว
โจทก์ให้การปฏิเสธฟ้องแย้ง และว่าโจทก์ไม่ได้ก่อสร้างบ้านจำเลยโดยสะเพร่หรือไม่ใช้ความระมัดระวังเป็นเหตุให้จำเลยเสียหายจำเลยว่าจ้างโจทก์ทั้งสอง โจทก์ที่ 1 มิใช่ลูกมือโจทก์ที่ 2
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาจ้างแรงงาน เมื่อโจทก์อ้างว่าจำเลยค้างค่าจ้าง เท่ากับเป็นคดีพิพาทกันด้วยสิทธิหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงาน จึงฟ้องต่อศาลแรงงานกลางได้ โจทก์ไม่ต้องรับผิดในค่าใช้จ่ายที่จำเลยจ้างช่างมาแก้ไข ข้อที่จำเลยอ้างว่า โจทก์ปลูกสร้างบ้านส่วนสัดไม่ได้มาตรฐานยังไม่ได้ พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ทั้งสองตามฟ้อง ฟ้องแย้งของจำเลยให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยต้องการปลูกบ้านหลังหนึ่งจึงติดต่อกับโจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 2 ตกลงจะรับจ้างปลูกบ้านให้ตามแบบที่จำเลยต้องการ จำเลยเป็นฝ่ายหาซื้อวัสดุก่อสร้างตามที่โจทก์ที่ 2 จดให้ โจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดหาคนงานที่จะมาทำงานร่วมด้วยและจัดหาเครื่องมือมาเอง โดยจะต้องให้จำเลยยินยอมด้วยโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 2 พามารับจ้างจำเลยด้วย การจ้างนี้คิดค่าจ้างกันเป็นรายวันทุกคน ดังนี้แม้โจทก์ที่ 2 จะตกลงกับจำเลยว่าจะทำงานให้จนกว่าบ้านจะเสร็จ แต่จำเลยก็จ้างโจทก์ที่ 2 กับพวกเป็นรายวันไม่ปรากฏว่าได้แบ่งงานเป็นงวดและตกลงกันให้ถือเอาผลสำเร็จของงานแต่ละงวด หรือถือเอาผลสำเร็จของงานทั้งหมดเป็นเงื่อนไขในการจ่ายค่าจ้างแต่อย่างใด จึงถือว่าจำเลยตกลงจะให้สินจ้างเพื่อผลสำเร็จแห่งการที่ทำนั้นไม่ได้ แม้โจทก์ที่ 2 เป็นผู้พาคนอื่นมาร่วมรับจ้างทำงานแต่ก็ต้องให้จำเลยยินยอมด้วย และที่โจทก์ที่ 2เพียงคนเดียวเป็นผู้รับค่าจ้างจากจำเลยไปเป็นงวด ๆ นั้น ก็เป็นเพียงรับค่าจ้างรายวันของผู้ร่วมงานแทนเป็นคราว ๆ ไปเท่านั้นไม่เป็นกรณีที่โจทก์ที่ 2 เป็นผู้รับเหมาแต่ผู้เดียวโดยผู้ร่วมงานเป็นลูกจ้างของโจทก์ที่ 2 อีกทอดหนึ่ง และถึงแม้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายจัดเครื่องมือในการปลูกสร้างบ้านมาเอง จำเลยไม่มีความรู้ในการปลูกบ้านจึงไม่ได้ควบคุมแนะนำโจทก์คงปล่อยให้โจทก์ทำงานไปตามฝีมือและความรู้ความชำนาญ ก็ไม่ทำให้การรับจ้างของโจทก์เป็นการรับจ้างทำของ สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาจ้างแรงงาน
คดีที่พิพาทกันเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานดังที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯระบุไว้ในมาตรา 8(1) นั้น มิได้จำกัดว่าต้องเป็นคดีที่พิพาทกันด้วยเรื่องค่าจ้างเท่านั้น แม้พิพาทกันด้วยเรื่องการทำงานไม่ถูกต้องตามหน้าที่ตามสัญญา ก็อยู่ในขอบข่ายแห่งมาตราดังกล่าวนั้นด้วย
พิพากษายืน