โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์ ๘ รายการ รวมเป็นเงิน ๑๑๑,๘๒๓.๗๕ บาท โดยจำเลยตกลงว่าจะชำระเงินให้โจทก์ภายในเวลาที่กำหนดไว้ หากผิดนัดยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อไป แต่จำเลยชำระเงินให้โจทก์เพียง ๓๕,๗๒๓.๗๕ บาท คงค้างอีก ๗๖,๕๐๐ บาท ขอให้จำเลยชำระเงินที่ค้างพร้อมด้วยดอกเบี้ยตามข้อตกลงนับแต่วันผิดนัด จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยซื้อและรับสินค้าตามฟ้อง จำเลยไม่เคยผ่อนชำระราคาสินค้าให้โจทก์ และไม่เคยตกลงเรื่องดอกเบี้ยกับโจทก์ แม้จะเป็นความจริงดังโจทก์อ้าง คดีโจทก์ก็ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์ตามฟ้องแล้วผิดนัดไม่ชำระเงินให้โจทก์ คดีก็ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๗๖,๕๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีในจำนวนหนี้ แต่ละรายการที่ฟ้อง โดยนับวันผิดนัดแต่ละรายการถึงวันฟ้อง และดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าว ในจำนวนเงิน ๗๖,๕๐๐ บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์จำเลยเป็นบริษัทจำกัด บริษัทโจทก์ประกอบการค้าปลาสติกเม็ด บริษัทจำเลยทำการค้าเกี่ยวกับปลาสติก เครื่องมือ เครื่องใช้สิ่งทำด้วยปลาสติก ตั้งโรงงานผลิตพลาสติกทำเป็นถุงปลาสติก ทำเครื่องมือเครื่องใช้ที่ ที่ทำด้วยปลาสติก และอื่น ๆ จำเลยซื้อสินค้าแล้วไม่ชำระเงินให้โจทก์จริง ตามฟ้อง
ข้อที่จำเลยต่อสู้ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้อง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าปรากฏว่าบริษัทโจทก์มาฟ้องคดีนี้ในการที่ได้ขายสินค้าปลาสติกเม็ดให้บริษัทจำเลย เพื่อผลิตเป็นถุงปลาสติกขาย แสดงว่าเป็นการที่ได้ทำเพื่ออุตสาหกรรมของฝ่ายลูกหนี้ จึงมีอายุความ ๕ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕ วรรคท้าย เมื่อนับแต่วันที่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ราคาสินค้าที่ซื้อไปครั้งแรกถึงวันฟ้องเป็นเวลาเพียง ๒ ปี คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน