โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2518 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองในคดีนี้และจำเลยทั้งสามในคดีหมายเลขแดงที่ 1993/2518 ของศาลจังหวัดชลบุรีและพวกอีก 2 คน บังอาจร่วมกันเป็นซ่องโจรร่วมปรึกษาวางแผนลักกระบือผู้อื่น เหตุเกิดที่ตำบลสระสี่เหลี่ยม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 จำคุกคนละ 1 ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ตามสำนวนปรากฏว่าเดิมโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 คดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามลำดับในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1993/2518 ของศาลจังหวัดชลบุรีจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ในคดีดังกล่าวและพวกอีก 2 คนร่วมกันเป็นซ่องโจร จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ โจทก์ยื่นบัญชีพยานลงวันที่ 16 มิถุนายน 2518 ไว้ในคดีดังกล่าว ต่อมาจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจังหวัดชลบุรีมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยทั้งสองออกจากคดีดังกล่าวภายใน 7 วัน โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองใหม่ตามคดีนี้ และโจทก์นำพยานเข้าสืบโดยไม่ได้ยื่นบัญชีพยานไว้ในคดีนี้
คดีมีปัญหาว่าพยานโจทก์ที่นำสืบในคดีนี้โดยโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานไว้ในคดีนี้ด้วยจะรับฟังได้หรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า กรณีที่จำเลยทั้งสองถูกฟ้องร่วมกับจำเลยอื่นอีก 3 คนในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1993/2518 ของศาลจังหวัดชลบุรี จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธแต่จำเลยอื่นอีก 3 คนให้การรับสารภาพ ศาลจังหวัดชลบุรีมีคำสั่งให้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีใหม่ภายใน 7 วัน เป็นการสั่งจำหน่ายคดีที่เกี่ยวกับจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรค 2 เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด คดีนี้จึงเป็นคดีใหม่ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว โจทก์จึงต้องดำเนินคดีนี้ใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณา จะนำการดำเนินคดีที่โจทก์ได้ปฏิบัติไว้แล้วในคดีดังกล่าวมาถือเป็นการดำเนินคดีนี้ด้วยไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้กระทำได้ ฉะนั้น จึงนำบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้แล้วในคดีดังกล่าวมาเป็นพยานในคดีนี้ด้วยไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ดีโจทก์และจำเลยทั้งสองเป็นคู่ความเดียวกันในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1993/2518 ข้อความและข้อหาที่ฟ้องและขอให้ลงโทษเป็นทำนองเดียวกันกับคดีนี้ พยานโจทก์ทุกคนที่ศาลชั้นต้นออกหมายเรียกมาเป็นพยานเบิกความในคดีนี้ก็มีรายชื่อในบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้ในคดีดังกล่าว การที่โจทก์ไม่ยื่นบัญชีพยานไว้ในคดีนี้จึงไม่ทำให้จำเลยทั้งสองเสียเปรียบแต่ประการใด พฤติการณ์ที่ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองในคดีนี้โดยโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานนั้น เห็นได้ว่าศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญ ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายจึงรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 พยานโจทก์จึงรับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้นั้น เป็นการวินิจฉัยตามหลักทั่วไปที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 วรรคแรก แต่ศาลชั้นต้นรับฟังพยานโจทก์ตามมาตรา 87(2)ซึ่งเป็นข้อยกเว้นที่ให้อำนาจของศาลชั้นต้นที่จะรับฟังได้ และตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีนี้การที่ศาลชั้นต้นรับฟังพยานโจทก์เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการชอบแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์โดยอ้างเหตุเพราะโจทก์ไม่ยื่นบัญชีพยานนั้นเป็นการไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี