โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ในฐานะส่วนตัวกับจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๕ ในฐานะผู้รับมรดกของนายสายร่วมกันชำระต้นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยที่ค้างชำระ ๑๑,๒๕๐ รวมเป็นเงิน ๔๑,๒๕๐ บาท
จำเลยให้การว่า นายสายไม่เคยทำสัญญากู้เงินโจทก์ หากนายสายกู้เงินโจทก์ไปจริง ก็ไม่ได้เอามาใช้ในระหว่างครอบครัว จำเลยทุกคนไม่ได้รับมรดกจากนายสาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นางปรุงจำเลยในฐานะส่วนตัว และจำเลยอื่นในฐานะทายาทของนายสาย กาญจนจินดา ชำระต้นเงินกู้ ๓๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ย ๑๑,๒๕๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายสายได้กู้เงินโจทก์ไปจริง และฟังได้ว่าหนี้ที่นายสายกู้เงินโจทก์มานี้ ได้เอามาสร้างห้องแถว เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากงานซึ่งสามีภริยาทำด้วยกัน เป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา๑๔๘๒ นางปรุงซึ่งเป็นภริยานายสายในระหว่างที่มูลหนี้เกิดขึ้นต้องรับผิดร่วมด้วย ตามมาตรา ๑๔๘๐
จำเลยฎีกาข้อสุดท้ายว่า จำเลยมิได้รับมรดกนายสาย จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้หนี้แทนนายสายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๕ ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของสายผู้ตาย แม้จำเลยจะไม่ได้รับมรดก ก็เป็นเรื่องที่โจทก์จะบังคับเอาจากมรดกของผู้ตายในชั้นบังคับคดี โดยจำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๘๖๖/๒๕๐๘
พิพากษายืน