โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพรากเด็กหญิง ม. อายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากนาง จ. มารดา เพื่อการอนาจาร และจำเลยกระทำชำเราเด็กหญิง ม. ผู้เสียหาย ซึ่งมิใช่ภริยาของจำเลยโดยผู้เสียหายยินยอม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 317, 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277, 317 (ที่ถูกคือมาตรา 277 วรรคแรก, 317 วรรคท้าย)การกระทำเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 317 วรรคท้าย ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารเพราะผู้เสียหายกับจำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายตามคำสั่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลางแล้วหรือไม่ ปรากฏว่าคดีนี้ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงคงฎีกาได้เฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 ซึ่งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วมีว่า จำเลยพรากเด็กหญิง ม.อายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจาก จ. มารดาโดยพาเด็กหญิง ม.ไปนอนค้างที่โรงแรมอาร์.ดี แล้วร่วมประเวณีกับเด็กหญิง ม. โดยเด็กหญิง ม. ยินยอม ครั้นนาง จ. ทราบก็ได้ไปร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลย เห็นว่าขณะเกิดเหตุ เด็กหญิง ม. มีอายุไม่ครบ 17 ปีบริบูรณ์ จึงมิอาจสมรสกันได้เว้นแต่ศาลจะอนุญาตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1448 กรณีที่จำเลยต้องการอยู่กินฉันสามีภริยากับ เด็กหญิง ม. โดยนาง จ. ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางขออนุญาตให้เด็กหญิง ม. จดทะเบียนสมรสกับจำเลยนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังเกิดเหตุแล้ว และแม้ต่อมาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางจะอนุญาตตามคำร้องดังกล่าวก็มิอาจลบล้างความผิดที่จำเลยได้กระทำมา ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองเห็นว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารชอบแล้วคำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยอ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ปรากฏว่าศาลเยาวชนและครอบครัวกลางได้อนุญาตให้จำเลยและเด็กหญิง ม. สมรสกัน การกระทำของจำเลยในข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา277 วรรคแรก จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ในวรรคท้ายแม้จำเลยจะมิได้ฎีกามาแต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้เอง"
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์