โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย จำเลยเลิกจ้างโจทก์ โดยโจทก์ไม่มีความผิดและมิได้บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างที่ยังมิได้ชำระ ค่าจ้างที่ต้องจ่ายเพราะมิได้บอกเลิกจ้างล่วงหน้า และค่าชดเชย ให้โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์ประพฤติชั่วร้ายอย่างแรง เล่นแชร์ฝ่าฝืนระเบียบและไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ จำเลยเตือนแล้วไม่เชื่อฟัง จำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยหรือเงินใดๆ ให้โจทก์ โจทก์มิได้มาทำงานตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๒๓ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือนสำหรับเดือนกรกฎาคม และโจทก์ทำงานไม่ครบ ๑ ปี หากมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยก็ได้เพียงเท่าอัตราเงินเดือน ๑ เดือน ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า การฝ่าฝืนข้อบังคับที่ห้ามเล่นแชร์ไม่เป็นกรณีร้ายแรง ข้อบังคับที่ให้ถือเป็นกรณีร้ายแรงแตกต่างไปจากบทบัญญัติของกฎหมายซึ่งยอมรับรองการเล่นแชร์ ข้อบังคับดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย ค่าจ้างกรณีที่มิได้บอกเลิกล่วงหน้าและค่าจ้างให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า แม้จะไม่มีกฎหมายห้ามการเล่นแชร์ จำเลยก็มีอำนาจวางข้อบังคับห้ามมิให้เล่นแชร์ได้ แต่การกระทำความผิดโดยฝ่าฝืนข้อบังคับดังกล่าวจะเป็นกรณีร้ายแรงหรือไม่นั้น ย่อมเป็นไปตามลักษณะแห่งการกระทำเป็นเรื่องๆ ไป การเล่นแชร์ถือเป็นสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งใช้บังคับได้ ไม่มีกฎหมายห้ามการเล่นแชร์ ดังนั้น การเล่นแชร์ฝ่าฝืนข้อบังคับจึงไม่เป็นกรณีร้ายแรง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๘ บัญญัติไว้ว่า "ถ้าระยะเวลานับเป็นวันก็ดี สัปดาห์ก็ดี เดือนหรือปีก็ดี ท่านห้ามมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลานั้นรวมคำนวณเข้าด้วย เว้นแต่จะเริ่มการในวันนั้นเอง ตั้งแต่เวลาอันเป็นกำหนดเริ่มทำการงานกันตามประเพณี " เมื่อศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เริ่มทำงานในวันแรก จึงให้นับวันแรกแห่งระยะเวลาอันเป็นวันเริ่มทำการงานรวมคำนวณเข้าด้วยจึงชอบแล้ว
แม้จะมีประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ ๔๖ บัญญัติถึงเรื่องการจ่ายค่าชดเชยในกรณีเลิกจ้าง ก็มิได้ซ้ำหรือขัดแย้งกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๘๒ ซึ่งบัญญัติถึงการบอกกล่าวล่วงหน้าในการเลิกสัญญาจ้างมาตราดังกล่าวจึงยังให้บังคับแก่กรณีนี้ด้วย
พิพากษายืน