โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 11 พฤศจิกายน 2518 ถึงวันที่ 30พฤศจิกายน 2518 จำเลยเป็นเจ้ามือสลากกินรวบงวดประจำวันที่ 30 พฤศจิกายน2518 โดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478มาตรา 4, 5, 6, 10, 12 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2504มาตรา 3 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ต่อมาโจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องเมื่อสืบพยานโจทก์แล้วว่าจำเลยเป็นเจ้ามือกินรวบงวดประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2518 ด้วย จำเลยยื่นคำแถลงคัดค้านว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบ และไม่มีการสอบสวนในข้อหาความผิดที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 12 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2504มาตรา 3 ลดโทษแล้วคงจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 เดือน ริบโพยสลาก ส่วนของกลางอื่นให้คืนเจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์ว่าไม่ควรลดโทษให้จำเลย และให้ริบของกลางทั้งหมด
จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องเป็นการไม่ชอบและจำเลยไม่ได้กระทำความผิด
ศาลอุทธรณ์ให้ยกคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องโจทก์ และฟังข้อเท็จจริงว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิด พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โพยสลากของกลางริบ นอกนั้นคืนเจ้าของ
โจทก์ฎีกาว่าฟ้องเดิมของโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำผิดของจำเลยว่าเมื่อระหว่างวันที่ 11 ถึง 30 พฤศจิกายน 2518 จำเลยกับพวกเล่นการพนันสลากกินรวบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการกระทำผิดของจำเลยว่าได้มีการกระทำผิดต่อเนื่องกันมา อันถือได้ว่าได้มีการสอบสวนในความผิดของจำเลยนั้นแล้วและฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิด
ศาลฎีกาเห็นว่า กำหนดวันออกรางวัลเป็นสารสำคัญของการเล่นพนันสลากกินรวบ การเพิ่มข้อหาว่าจำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2518ซึ่งเป็นวันออกสลากขึ้นอีกงวดหนึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มข้อหาจำเลยว่ากระทำผิดขึ้นอีกกระทงหนึ่ง นอกเหนือไปจากการที่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาว่าจำเลยเป็นเจ้ามือสลากกินรวบเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2518 ส่วนการที่โจทก์อ้างว่าได้มีการสอบปากคำพยานผู้ซื้อสลากจากจำเลยงวดวันที่ 20 พฤศจิกายน 2518 นั้น ก็เป็นเพียงการสอบปากคำในฐานะพยานเท่านั้น จะถือว่าเป็นการสอบสวนจำเลยในข้อนี้หาได้ไม่ และฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้เป็นเจ้ามือสลากกินรวบในงวดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2518
พิพากษายืน