โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(11) วรรคสอง ให้ลงโทษจำคุก3 ปี จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นตามทางนำสืบของโจทก์ โดย จำเลยมิได้นำสืบโต้เถียงเป็นอย่างอื่นว่า บริษัทรอยัลปอร์ซเลน จำกัด ผู้เสียหาย เป็นนายจ้างของจำเลย เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2531 เวลาประมาณระหว่าง 8 นาฬิกา ถึง10 นาฬิกา มีคนร้ายเบิกจานเปล 48 ใบ และโถสำหรับใส่อาหาร12 ใบ รวมราคา 8,803 บาทตามเอกสารหมาย จ.9 ของผู้เสียหายโดย คนร้ายใช้ใบเบิกสินค้าเอกสารหมาย จ.3 เบิกเอาไปจากความครอบครองดูแลรักษาของนายวิชิต พรสิริพงษ์ ผู้จัดการโรงงานของผู้เสียหาย โดยทุจริต คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่...
พิเคราะห์แล้ว โจทก์มีนายทศพล เตี๋ยสมบูรณ์ ลูกจ้างผู้เสียหายซึ่งดำรงตำแหน่งวางแผนการผลิต มีหน้าที่รับใบสั่งสินค้าจากลูกค้าเบิกความว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ เมื่อได้รับใบสั่งสินค้าตามเอกสารหมาย จ.1 จำนวน 3 รายการแล้ว ได้ถ่ายสำเนาเอกสารส่งให้นายสุวัฒร์ เราจนานนท์หัวหน้าแผนกคลังสินค้าและบรรจุ เพื่อเบิกสินค้ามาบรรจุหีบห่อแล้วส่งให้ลูกค้า และโจทก์มีนายสุวัฒน์มาเบิกความว่า เมื่อได้รับใบสั่งซื้อสินค้าจากนายทศพลตามเอกสารหมาย จ.1 แล้ว ได้ลงนามกำกับไว้แล้วมอบให้จำเลยไปดำเนินการเบิกสินค้ามาเพื่อบรรจุ การทำใบเบิกสินค้าเป็นหน้าที่ของจำเลยทางปฏิบัติจำเลยไม่เคยมอบหมายให้คนอื่นทำเลย โจทก์ยังมีนายพิเชษฐ์ โตชยามานนท์ หัวหน้าคลังสินค้ามาเบิกความว่าจำเลยได้นำใบเบิกสินค้าเอกสารหมาย จ.2 มายื่นด้วยตนเองพยานได้จัดสินค้าทั้ง 5 รายการให้แล้ว จากคำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวเห็นได้ชัดว่า หน้าที่ทำใบเบิกสินค้าเป็นหน้าที่เฉพาะของจำเลยโดยตรงเมื่อความปรากฏต่อนายทศพลและนายสุวัฒน์ว่า ใบเบิกสินค้าเอกสารหมาย จ.2 เบิกสินค้าจำนวน 5 รายการเกินไปจากใบสั่งซื้อเอกสารหมาย จ.1 จำนวน 2 รายการ ได้แก่ จานเปลและโถอาหารแล้ว นายสุวัฒน์เบิกความว่า ได้เรียกจำเลยมาสอบถามจำเลยบอกว่าเบิกมาสำหรับรายการสั่งซื้อสินค้าอีกฉบับหนึ่ง พยานขอดูใบสั่งซื้อ จำเลยหาไม่พบและบอกว่า สงสัยนายเพชรสวรรค์ผู้ช่วยของจำเลยเก็บไว้ ครั้นพยานพบนายเพชรสวรรค์ นายเพชรสวรรค์บอกว่าช่วงนี้ไม่มีรายการสั่งซื้อสินค้า 2 รายการนั้น ดังนี้คำเบิกความดังกล่าวเป็นการแสดงข้อพิรุธของจำเลยว่า จำเลยเบิกสินค้าโดย ไม่มีใบสั่งซื้อจำนวน 2 รายการ จำเลยเบิกความรับว่าใบเบิกสินค้าเอกสารหมาย จ.2 นั้น จำเลยเป็นผู้เขียนและลงชื่อยกเว้นสินค้า 2 รายการดังกล่าว จำเลยไม่ได้เขียนเบิกแต่อย่างใด ได้พิเคราะห์ลายมือชื่อที่เขียนเบิกสินค้า 2 รายการดังกล่าวเทียบกับลายมือที่เขียนเบิกสินค้าอีก 3 รายการที่จำเลยรับว่าเป็นผู้เขียนในเอกสารหมาย จ.2 แล้ว เห็นว่า มีลักษณะลี ลาการเขียนเป็นอย่างเดียวกัน ขนาดของตัวเลขก็เท่ากัน ดังนี้ เมื่อพิจารณาเหตุผลดังวินิจฉัยข้างต้นประกอบคำรับของจำเลยเข้าด้วยกันแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้เขียนใบเบิกสินค้าเอกสารหมาย จ.2 ทั้ง 5รายการ และเบิกสินค้าโดย ไม่มีใบสั่งซื้อ 2 รายการ โดยทุจริตเพื่อลักทรัพย์อันเป็นการลงมือกระทำความผิดฐานลักทรัพย์แล้ว แต่ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เข้ายึดถือครอบครองเอาทรัพย์จำนวน 2 รายการดังกล่าวไป คงปรากฏจากคำเบิกความของนายพิเชษฐ์เพียงว่าจำเลยจะไปรับสินค้าที่เบิกจำนวน 5 รายการเองหรือลูกน้องเป็นผู้มารับไม่ทราบ และคำเบิกความของนายทศพลว่าตอนที่พบสินค้า 5 รายการสินค้านั้นกำลังจะนำไปที่แผนกบรรจุทั้งเมื่อสินค้าดังกล่าวถูกนำไปที่แผนกบรรจุแล้วก็ไม่ปรากฏจากคำเบิกความของพยานโจทก์คนใดเลยว่า ใครเป็นผู้นำไป และสินค้าก็ยังอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหายดังนั้นการกระทำของจำเลยตามที่โจทก์นำสืบ จึงฟังได้เพียงว่า จำเลยได้เขียนใบเบิกสินค้าอันเป็นเท็จจำนวน 2 รายการ อันเป็นการลงมือกระทำความผิดฐานลักทรัพย์แล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอดเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งเป็นนายจ้าง"
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(11) วรรคแรก, 80 ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี คำรับของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสี่คงลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี 6 เดือน