คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และขอให้บังคับจำเลยโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวัน หนึ่งราย เป็นระยะเวลาสามวันติดต่อกัน โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธ ก่อนสืบพยานศาลชั้นต้นไกล่เกลี่ยคู่ความ จำเลยตกลงยินยอมประกาศขอโทษโจทก์ลงหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์โดยค่าใช้จ่ายของจำเลยด้วยวิธีวางศาล โจทก์จึงขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 5 สิงหาคม 2563 หลังจากนั้นศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาหัวหน้าศาลตรวจสำนวนแล้วเห็นว่า ศาลชั้นต้นไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายหรือตามระเบียบที่จะรับเงินที่จำเลยวางเพื่อไปดำเนินการเป็นประกาศศาล เพื่อประกาศคำขอโทษในหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์แทนจำเลย จึงเพิกถอนคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 5 สิงหาคม 2563 ในส่วนที่ให้จำเลยชำระค่าประกาศด้วยวิธีวางศาล หมายเรียกคู่ความมานัดพร้อมเพื่อแจ้งให้นำเงินที่วางศาลคืนไปประกาศด้วยตนเอง ให้เพิกถอนประกาศศาลแขวงพระนครเหนือ เรื่อง ประกาศขอโทษ ทุกฉบับที่ส่งไปให้หนังสือพิมพ์ไทยรัฐและไทยรัฐออนไลน์โดยด่วน
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนกระบวนพิจารณาคดีในวันที่ 5 สิงหาคม 2563 เสียทั้งหมด และให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
จำเลยยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องและคำสั่งจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งว่า การที่ศาลรับเงินค่าประกาศหนังสือพิมพ์ไว้จากจำเลยนั้น เป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม ซึ่งเป็นกระบวนพิจารณาโดยผิดหลงเป็นเหตุให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลย อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบนับแต่วันที่โจทก์ถอนฟ้องจำเลยและศาลมีคำสั่งอนุญาตและให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 จึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ และมีคำสั่งใหม่ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาหรือไม่ เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีออกจากสารบบความตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 5 สิงหาคม 2563 นั้น ย่อมมีผลทำให้คดีเสร็จไปจากศาลชั้นต้นแล้ว ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ให้เพิกถอนกระบวนพิจารณานับแต่โจทก์ถอนฟ้องและเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีดังกล่าว อันเป็นคำสั่งที่เกิดขึ้นภายหลังมีคำสั่งจำหน่ายคดีแล้ว คำสั่งดังกล่าวจึงไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา อุทธรณ์ของจำเลยไม่ต้องห้ามและคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 และ 198 ทวิ ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ที่ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งศาลอุทธรณ์ ให้รับอุทธรณ์ของจำเลยฉบับลงวันที่ 9 เมษายน 2564 ไว้พิจารณาและให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป