โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2524 จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันมีกระสุนปืน เอ็ม 16 จำนวน 25 นัดไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 55, 72, 78 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 มาตรา 6, 8 กฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) ข้อ 2 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ข้อ 6, 7, 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี 4 เดือน ยกฟ้องจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กระสุนปืนของกลางนี้พลตำรวจวชิราเบิกมาใช้ในราชการได้ฝากของกลางพร้อมด้วยถุงทะเลที่บรรจุสิ่งของต่าง ๆ ไว้กับนายธวัช นายธวัชไปฝากจำเลยที่ 1 ไว้ในตอนกลางคืน เพราะจะไปเที่ยวงานกาชาด หากทิ้งไว้ในที่พักของตนกลัวของที่พี่ชายฝากไว้จะสูญหาย เมื่อเที่ยวงานแล้วจึงจะมารับกลับไป ของกลางดังกล่าวคงตั้งอยู่ที่โต๊ะโดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้แตะต้องหรือเคลื่อนย้าย เจ้าพนักงานตำรวจสามารถมองเห็นได้ตั้งแต่อยู่ภายนอกจำเลยที่ 1 แจ้งว่านายธวัชเพื่อนข้างห้องนำมาฝากไว้ชั่วคราว และของกลางเป็นของพลตำรวจวชิรามีไว้ใช้ในราชการโดยชอบเหตุที่ของกลางอยู่ที่โต๊ะจำเลยที่ 1 จนเจ้าพนักงานพบเห็นก็เพราะนายธวัชกลับจากเที่ยวงานดึกแล้วไม่ได้มารับคืน พฤติการณ์ดังกล่าวไม่พอถือได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
พิพากษายืน