คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 401,756.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดีคือ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ ในการขายทอดตลาดครั้งที่ 4 เจ้าพนักงานบังคับคดีขายให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้ราคาสูงสุดในราคา 372,087 บาท
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์จำนองให้แก่โจทก์ไปในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้จำเลยทั้งสองได้รับความเสียหายขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้อ้างว่าการขายทอดตลาดทรัพย์เกิดจากการคบคิดกันฉ้อฉลในระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องในการเข้าสู้ราคา หรือเกิดจากความไม่สุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่มีเหตุที่จะรับคำร้องไว้พิจารณา ให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "กรณีเป็นเรื่องจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องโดยไม่ไต่สวน คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวก็ถือเป็นคำสั่งของศาลตามวรรคสองดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำพิพากษาแล้ว คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 จึงเป็นที่สุด ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามมาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย"
พิพากษายกฎีกาของจำเลยทั้งสอง