โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 26, 76, 102 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 8 กับริบของกลางด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 26, 76, 102พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 8ลงโทษจำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 เดือนริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 (ที่แก้ไขแล้ว) มาตรา 26 วรรคแรกและมาตรา 76 วรรคแรก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาตามฎีกาของจำเลยเพียงข้อเดียวว่า การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 (ที่แก้ไขแล้ว) มาตรา26 วรรคแรก และมาตรา 76 วรรคแรก โดยโจทก์ไม่ได้ขอไว้ในคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือไม่เห็นว่า คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2528 มาตรา 8 ไว้แล้ว สำหรับ มาตรา 8 ดังกล่าวนี้ เป็นบทกำหนดโทษที่แก้ไขใหม่ของมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 ศาลจำต้องระบุบทมาตราที่ยกขึ้นปรับไว้ในคำพิพากษาตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(7)ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 8 เท่ากับลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โ?ษ พ.ศ. 2522 มาตรา 76 (ที่แก้ไขใหม่) ซึ่งความผิดตามมาตรา 76 ดังกล่าวนี้มีหลายวรรค แต่ละวรรคกำหนดโทษไว้แตกต่างกันการที่ศาลชั้นต้นไม่ระบุว่าจำเลยมีความผิดวรรคใดย่อมไม่ถูกต้องที่ศาลอุทธรณ์แก้เสียให้ถูกต้องชอบแล้ว ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอแต่อย่างใด และที่ศาลอุทธรณ์ระบุอ้างมาตรา 26 วรรคแรก ก็เป็นการกล่าวถึงบทความผิด ซึ่งมาตรา 16 ดังกล่าวนี้มีหลายวรรค แต่ละวรรคมีองค์ประกอบของความผิดแตกต่างกัน ศาลอุทธรณ์ระบุมาตรา 26 วรรคแรกถูกต้องแล้ว ไม่เป็นการเกินคำขอ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน.