โจทก์ฟ้องว่า ขอให้บังคับจำเลยแบ่งทรัพย์มรดกที่ดินตาม ส.ค.๑ เลขที่ ๑๙๗ ตำบลอีสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เนื้อที่ ๒๐ ไร่ ราคา ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ทั้งสาม จำเลยและบุตรของนายเฉื่อยอีก ๒ คน คนละส่วนเท่าๆ กัน หากไม่สามารถแบ่งปันทรัพย์มรดกดังกล่าวได้ให้นำทรัพย์สินมรดกออกขายทอดตลาด นำเงินมาแบ่งคนละส่วนเท่าๆ กัน และให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ ๖๔๒๕๘ เลขที่ดิน ๑๐๖๒ ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยและไม่ใช่ทรัพย์มรดก หากฟังได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดก จำเลยก็ครอบครองมาเกินกว่า ๑๐ ปี คดีของโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนแบ่งแยกทรัพย์มรดกตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๖๔๒๕๘ เลขที่ดิน ๑๐๖๒ ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ให้แก่โจทก์ทั้งสาม จำเลย นางสว่าง ชัยสมัคร และนางเกิด ชัยสมัคร คนละหนึ่งส่วนเท่าๆ กัน ถ้าการแบ่งไม่อาจทำได้ให้นำทรัพย์มรดกออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกันคนละส่วนเท่าๆ กัน คำขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ ๖๔๒๕๘ ให้ยก เนื่องจากไม่ปรากฏว่าโฉนดที่ดินพิพาทออกไม่ชอบด้วยกฎหมายและศาลได้วินิจฉัยแล้วว่าจำเลยถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทนทายาทอื่น กับให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๕,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๓,๐๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีนี้โจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้บังคับจำเลยแบ่งที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกแก่โจทก์ทั้งสามคนละส่วน รวม ๓ ส่วน ใน ๖ ส่วน คิดเป็นเงินรวม ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท ดังนี้ แม้โจทก์ทั้งสามจะฟ้องรวมกันมา การอุทธรณ์ฎีกาของจำเลยก็ต้องถือทุนทรัพย์ตามทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนแยกกัน เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์แต่ละคนใช้สิทธิเฉพาะตน เมื่อที่ดินพิพาทที่โจทก์ทั้งสามตีราคาเป็นทุนทรัพย์รวมกันมานั้นมีราคา ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท ที่ดินพิพาทแต่ละส่วนที่โจทก์แต่ละคนฟ้องขอแบ่งจึงมีราคาไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ดังนั้น ราคาทรัพย์สินหรือทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาสำหรับจำเลยต่อโจทก์แต่ละคนจึงไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๘ วรรคหนึ่ง เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค ๗ ฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดก ที่จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสามฟังไม่ได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นมรดก จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาขึ้นมาก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลย คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลย ค่าทนายความชั้นฎีกาเป็นพับ.
นายรังสรรค์ ขวัญสกุลวิวัฒน์ ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายกีรติ กาญจนรินทร์ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ