โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดแทงทำร้ายนายเอี่ยม การุณกิจ ด้วยเจตนาฆ่า ถูกบริเวณสีข้างใต้รักแร้ซ้าย 1 ที ทะลุเข้าภายในนายเอี่ยมถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การว่า จำเลยแทงเพื่อป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว จำเลยแทงผู้ตายเป็นการป้องกันตัวเกินกว่ากรณีจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 69 ให้จำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 พิพากษากลับยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรกว่าเหตุ
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์มีนายโอเป็นพยานว่า เมื่อจำเลยพูดต่อว่าผู้ตายว่าหุงข้าวดิบ จำเลยก็ลุกไปจากแคร่ ผู้ตายเดินตามหลังไปห่างกันไม่ถึง 1 วา แล้วใช้เหล็กตะบันหมากแทงจำเลยทางด้านหลัง หากจำเลยหลบไม่ทัน ก็อาจถูกแทงตรงชายโครงถึงแก่ความตายได้ จำเลยชักมีดปลายแหลมออกจากเอวแทงผู้ตายไป 1 ที ถูกที่ชายโครงซ้าย แล้วปามีดทิ้งวิ่งหนีไป ศาลฎีกาเห็นว่าเหตุการณ์กระทันหันดังนี้ จำเลยไม่มีโอกาสเลือกที่หมายแทงผู้ตายได้ และจำเลยก็ไม่รู้ว่าผู้ตายพุ่งแทงด้วยวัตถุอะไร จำเลยแทงแล้วก็วิ่งหนี มิได้ทำซ้ำเติมอย่างใดอีก มีดที่จำเลยใช้ทำร้ายก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เตรียมมาเพื่อจะทำร้ายผู้ตาย เพราะก่อนเกิดเหตุไม่มีสาเหตุกันการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
ที่โจทก์ฎีกาว่า สถานที่เกิดเหตุไม่ใช่ที่คับขันจำเลยมีโอกาสจะหลบหนีได้แต่จำเลยไม่หนีไปเสีย ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยถูกทำร้ายเป็นภยันตรายถึงตัวเช่นนี้จำเลยมีสิทธิที่จะป้องกันตนได้ไม่จำต้องหนี และจำเลยก็คงหลบหนีไม่ทันเพราะไม่แน่ว่าผู้ตายจะแทงซ้ำอีกหรือไม่ การประทุษร้ายยังติดพันอยู่ ยังคาดไม่ได้ว่าเมื่อผู้ตายแทงจำเลยไม่ถูกแล้วเหตุการณ์จะยุติลง จำเลยแทงไปทันทีไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุ
พิพากษายืน