โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80,288, 91, 33 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 69 และมาตรา 288, 80 ประกอบมาตรา 69เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษ ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จำคุก 4 ปี ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 6 ปี คำรับและการนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยตามมาตรา 78 หนึ่งในสามคงจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 4 ปี ริบอาวุธปืน กระสุนปืนและปลอกกระสุนปืนของกลาง คืนซองปืนแก่เจ้าของคำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 69 จำคุก 2 ปี ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วย มาตรา 80 และมาตรา 69จำคุก 1 ปี คำให้การชั้นสอบสวนและข้อนำสืบชั้นศาลของจำเลยให้ความรู้แก่ศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี 4เดือน และ 8 เดือน รวมจำคุก 2 ปี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ไม่รอการลงโทษจำเลย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "เห็นว่า ฎีกาโจทก์เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยและให้รอการลงโทษไว้ ถือว่าเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง สำหรับกระทงความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 69 นั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี และศาลอุทธรณ์ลงโทษไม่เกินกำหนดนี้โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ที่แก้ไขแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาโจทก์เกี่ยวกับความผิดฐานนี้มาด้วย เป็นการไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ส่วนฎีกาโจทก์เกี่ยวกับกระทงความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 69นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ความผิดฐานนี้แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี แต่ก็เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมากกล่าวคือ นอกจากแก้โทษจำคุกให้เบาลงแล้ว ยังให้รอการลงโทษไว้ด้วยจึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ซึ่งศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยต่อไปว่า การลงโทษจำคุกจำเลยในกระทงความผิดดังกล่าวมีเหตุสมควรให้รอการลงโทษไว้หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในวันเกิดเหตุ ผู้ตายและนายทองเย็นผู้เสียหาย ดื่มสุรามึนเมาแล้วเข้าไปในบ้านจำเลย ซึ่งแม้จะไม่มีอาวุธติดตัว แต่ก็ได้ใช้มือและเท้าทำร้ายนายเรืองยศหลานจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนสั้นยิงผู้ตายทางด้านหลัง 2 นัด และยิงผู้เสียหายอีก 1 นัด ดังนี้เห็นว่า ผู้ตายกับผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดยเข้าไปคุกคามจำเลยถึงในบ้าน เป็นการกระทำเยี่ยงอันธพาล ทั้งนี้ผู้ตายและผู้เสียหายยังอยู่ในวัยหนุ่มส่วนจำเลยอยู่ในวัยชรา โดยมีอายุ 62 ปี แล้วหากไม่ใช้อาวุธปืน อาจไม่มีความว่องไวพอที่จะยับยั้งการคุกคามของผู้ตายและผู้เสียหายให้ทันการได้ หลังเกิดเหตุจำเลยยังมีแก่ใจมอบเงินให้บิดาผู้ตายเป็นการบรรเทาความเสียหายเป็นจำนวน 10,000บาท ซึ่งแม้จะไม่คุ้มกับความเสียหายที่บิดาผู้ตายได้รับ แต่ก็แสดงว่าจำเลยมีความรับผิดชอบในการกระทำของตนนับว่ามีเหตุสมควรรอการลงโทษ..."
พิพากษายืน.