ได้ความว่าจำเลยบังอาดลักทรัพย์ของนายลิขิต นายจ้าง ของจำเลยไปรวม ราคา ๒๑๕ บาท จำเลยเคยต้องโทสถานลักทรัพย์สาลพิพากสาลงโทสจำคุก ๖ เดือน มาแล้วครั้งหนึ่ง เพิ่งพ้นโทสมาได้ ๑๐ เดือน เสส เมื่อจำเลยพ้นโทสครั้งที่หนึ่งดังกล่าวแล้ว จำเลยไปลักทรัพย์ของพระยาเฉลิมอาภาสอีก แต่ยังไม่ถูกจับฟ้องร้อง ต่อมาจำเลยมาเปนลูกจ้างหยู่กับนายลิขิต แล้วลักทรัพย์ของนายลิขิตไนคดีนี้ขึ้นอีก จึงถูกจับและถูกฟ้องถานลักทรัพย์ของพระยาเฉลิมอาภาสก่อน สาลพิพากสาจำคุก ๒ ปีแล้ว จำเลยจึงถูกฟ้องไนคดีนี้
สาลชั้นต้นและสาลอุธรน์วินิฉัยต้องกันว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา ๒๙๔ ตอนท้าย คงไห้จำคุก ๒ ปี ส่วนโทสกักกันไห้ยกเสีย เพราะจำเลยเพิ่งได้รับโทสจำคุกแล้วครั้งเดียว
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่าตามมาตรา ๘ พ.ร.บ.กักกัน ฯ คำว่า "พายหลังต้องคำพิพากสาไห้จำคุกเพราะได้กะทำความผิดอาญาอันเปนเหตุร้าย" นั้น ต้องแปลว่า พายหลังทั้งคำพิพากสาและการกะทำผิดด้วย คือ การกะทำผิดต้องเกิดพายหลัง คำพิพากสาไม่น้อยกว่า ๒ ครั้งนั้นด้วย จึงพิพากสายืนตามโดยไม่เพิ่มโทสถานกักกันตามโจทขอ