โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 278, 310, 91, 83
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 284, 310, 318, 91, 83 ลงโทษจำคุกฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร คนละ 3 ปี ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง คนละ 2 ปีฐานพรากผู้เยาว์ คนละ 5 ปี รวมสามกระทงเป็นจำคุกคนละ 10 ปีและจำเลยที่ 1 ยังมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตามมาตรา 276อีกกระทงหนึ่ง ลงโทษจำคุก 10 ปี รวมทั้งสี่กระทงให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 20 ปี จำเลยที่ 1 นำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามมาตรา 78 หนึ่งในสี่ คงจำคุำ18 ปี
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้เสียหายซึ่งมีอายุกว่าสิบสามปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีติดตามจำเลยที่ 1 ไปโดยสมัครใจและยอมร่วมประเวณีกับจำเลยที่ 1 โดยสมัครใจด้วย พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "...พฤติการณ์แห่งคดีดังได้วินิจฉัยมาแล้วเชื่อได้ว่า ผู้เสียหายสมัครใจไปอยู่กับจำเลยที่ 1 และยินยอมร่วมประเวณีกับจำเลยที่ 1 โดยสมัครใจ จำเลยทั้งสามจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง แต่ได้ความว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 มีภรรยาอยู่แล้วจำเลยที่ 1 คงไม่คิดจะอยู่กินฉันสามีภรรยากับผู้เสียหายอย่างจริงจังดังจะเห็นได้ว่า แทนที่จำเลยที่ 1 จะพาผู้เสียหายไปอยู่บ้านของตนเองกลับพาผู้เสียหายไปไว้ที่บ้านของจำเลยที่ 2 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 พรากผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เสียหายเต็มใจไปด้วย ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 318 โดยอ้างว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย แต่การที่จำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารจะโดยลักษณะที่ผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยหรือไม่เต็มใจไปด้วย ประมวลกฎหมายอาญาก็บัญญัติเป็นความผิดอยู่แล้ว ศาลย่อมลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่าได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 จำคุก 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์".