โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวาร รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 16509 โดยค่าใช้จ่ายของจำเลย กับให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 5,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งขอให้พิพากษาว่า จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 16509 เนื้อที่ 1 ไร่ โดยการครอบครองปรปักษ์ ให้โจทก์ดำเนินการโอนโฉนดที่ดินพิพาทเป็นชื่อจำเลย หากไม่ดำเนินการขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนโจทก์
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 16509 กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาท แก่โจทก์ นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป (ฟ้องวันที่ 18 กันยายน 2561) จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินของโจทก์ กับใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 3,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 16509 กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาท แก่โจทก์ นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป (ฟ้องวันที่ 18 กันยายน 2561) จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินของโจทก์ กับใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 3,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ยกอุทธรณ์ของจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 บัญญัติว่า "การอุทธรณ์นั้นให้ทำเป็นหนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้นซึ่งมีคำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น และผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้นด้วย..." จำเลยยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยพิพากษาให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ แต่ปรากฏว่าจำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในทุนทรัพย์ตามฟ้องและฟ้องแย้งเท่านั้น โดยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว เมื่อจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ อุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ทันที และทนายความจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้อุทธรณ์ ผู้เรียง ผู้เขียนหรือพิมพ์ ดังนั้น ทนายความจำเลยย่อมต้องทราบว่าต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางพร้อมกับอุทธรณ์ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า เจ้าหน้าที่ศาลชั้นต้นนำสำนวนคดีมาคิดค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์เป็นเหตุให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมศาลไม่ครบเป็นความผิดหลงของเจ้าหน้าที่ศาลชั้นต้นนั้น จะเห็นได้ว่าสำนวนศาลในส่วนบัญชีค่าฤชาธรรมเนียม มีการบันทึกเกี่ยวกับค่าขึ้นศาล ค่าส่งคำคู่ความ ค่าป่วยการพยานโจทก์ ค่าทนายความ รวม 4,260 บาท ชัดเจน จำเลยสามารถตรวจสอบได้ว่าค่าฤชาค่าธรรมเนียมที่จำเลยต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้นเป็นจำนวนเท่าใด ดังนั้นข้ออ้างของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยมาก็ไม่มีผลทำให้อุทธรณ์ของจำเลยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายกลับเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยจึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยยกฟ้องแย้งของจำเลย แต่มิได้มีคำพิพากษายกฟ้องแย้งและมิได้มีคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งเป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 และ 167 วรรคหนึ่ง ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) และจำเลยฎีกาเพียงขอให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิจารณาพิพากษาใหม่ มิได้ขอให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดี จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาเพียง 200 บาท ตามตาราง 1 (2) (ข) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ทั้งส่วนฟ้องจำนวน 4,000 บาท และฟ้องแย้งจำนวน 4,000 บาท จึงให้คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินแก่จำเลย
พิพากษายืน ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมส่วนฟ้องแย้งในศาลชั้นต้นให้เป็นพับ ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาส่วนฟ้องและฟ้องแย้งที่เกิน 200 บาท แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ