ข้อเท็ดจิงได้ความว่าจำเลยเปนเจ้าพนักงานเทสบาลเมืองราชบุรี มีหน้าที่เก็บพาสีโรงร้านจำเลยเก็บเงินพาสีโรงร้านจากเจ้าพนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากสัตร์แล้วทุจริตยักยอกไว้เปนประโยชน์ส่วนตัวเสีย ไม่ส่งเงินแก่เทสบาลตามหน้าที่จิงดังฟ้อง ต่อมาเจ้าพนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากสัตร์ซาบขึ้นว่าตามกดหมายพาสีโรงร้านนั้น ไม่ต้องเสีย จึงขอเงินค่าพาสีคืน
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้วพิพากสาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๑๓๑,๓๑๙ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมกดหมายอาญา ๒๔๗๗ (ฉบับที่ ๓) ม.๓ จำคุกกะทงละ ๑ ปี รวม ๑๒ กะทง ๑๒ ปี ลดกึ่งหนึ่งตามมาตรา ๕๙ คงจำคุก ๖ ปี
จำเลยอุธรน์ สาลอุธรน์พิพากสาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา ๑๕๑ มาตราเดียว ไห้ลงโทสตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมกดหมายอาญา ๒๔๗๗ (ฉบับที่ ๒ ) มาตรา ๓ นอกนี้ยืนตาม
จำเลยดีกาว่า เจ้าพนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากสัตร์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียพาสีโรงร้านแก่เทสบาลจำเลยหลอกลวงเก็บเงินมาจากเจ้าพนักงานนั้น เอาไว้เปนประโยชน์ส่วนตัว จำเลยมีความผิดถานฉ้อโกงเงินของเจ้าพนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากสัตร์ ไม่ไช่ถานเปนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ของเทสบาล สาลดีกาเห็นว่าเพียงเท่านี้ไม่ทำไห้ความผิดของจำเลยกลายเปนความผิดถานฉ้อโกงไปได้ เงินที่จำเลยยักยอกไปก็เปนเงินของเทสบาลเมืองราชบุรีแล้ว และพนักงานเทสบาลก็เปนเจ้าพนักงานตามกดหมายไนกดหมายอาญาแล้ว จำเลยดีกาอีกข้อหนึ่งว่า โจทฟ้องขอไห้ลงโทสจำเลยตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมกดหมายอาญา ๒๔๗๗ (ฉบับที่ ๓) ม.๓ สาลอุธรน์พิพากสาไห้วางโทสจำเลยตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมกดหมายอาญา ๒๔๗๗ (ฉบับที่ ๒) ม.๓ เปนการเกินคำขอ สาลดีกาเห็นว่าโจทได้อ้างมาตรา ๑๓๑ มาด้วยแล้ว กดหมายนี้ได้ถูกแก้ไขไนข้อกำหนดโทสโดยกดหมายแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๒-๓ อัตราโทสตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมฉบับหลังสูงกว่าฉบับที่สาลอุธรน์ยกขึ้นวาง หาไช่สาลอุธรน์ตัดสินเกินคำขอไม่พิพากสายืน