โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีมูลฝิ่นหนัก ๘.๕ กรัม ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๑๗, ๖๙, ๙๗, ๑๐๒ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๔, ๖, ๑๐ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓, ๙๒ ริบของกลางคือมูลฝิ่นกับหัวกล้องและด้ามกล้อง ๒ ชุด เหล็กแยงหัวกล้อง ๑ อัน ตะปูแยงหัวกล้อง ๑ ตัว ใบลาน ๑ ใบ และตะเกียง ๑ ดวง ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการเสพฝิ่นและขอให้เพิ่มโทษกับนับโทษต่อ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๑๗, ๖๙, ๙๗, ๑๐๒ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๔, ๖, ๑๐ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓, ๙๒ จำคุก ๑ ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งเป็นจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน จำเลยรับสารภาพ กรณีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๙ เดือนริบของกลางทั้งหมด ยกคำขอให้นับโทษต่อเพราะศาลยังไม่ได้พิพากษาคดีที่ขอให้นับโทษต่อ
โจทก์อุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๙ วรรคสาม ศาลชั้นต้นลงโทษต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำของกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า วัตถุของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นมูลฝิ่น จึงต้องวางโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๙ วรรคสาม ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๒๘ มาตรา ๖ นั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๙ ได้บัญญัติหลักการของการกระทำความผิดไว้ ๒ ประการ คือ ประการแรกวางโทษผู้มียาเสพติดให้โทษประเภท ๒ ไว้ในครอบครองโดยบัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปีและปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทประการที่สองวางโทษผู้จำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๒ โดยบัญญัติไว้ในวรรคสอง มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท จึงเห็นได้ว่าอัตราโทษการมีไว้ในครอบครองกับอัตราโทษการจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายแตกต่างกัน โดยอัตราโทษการจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายจะสูงกว่าอัตราโทษการมีไว้ในครอบครอง ส่วนข้อความในมาตรา ๖๙ วรรคสาม ของพระราชบัญญัตินี้ขยายความเฉพาะในวรรคสอง คือบทบัญญัติมาตรา ๖๙ วรรคสาม หมายความเฉพาะความผิดฐานจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งมอร์ฟีน โคคาอีนและฝิ่นที่มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกินหนึ่งร้อยกรัมเท่านั้น คดีนี้จำเลยมีมูลฝิ่นหนัก ๘.๕ กรัมไว้ในครอบครอง จึงต้องวางอัตราโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา๖๙ วรรคหนึ่ง ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาถูกต้องแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น อย่างไรก็ตามการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งให้ปรับบทลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๖ ซึ่งเป็นบทแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๙ วรรคสามและวรรคสี่นั้นไม่ถูกต้อง จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา ๖๙ วรรคหนึ่งเท่านั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๙ วรรคหนึ่ง ไม่ปรับบทลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๖ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.