โจทก์ฟ้องว่า นายสุข ผู้รับใช้จ้างวานหรือด้วยความยินยอมของจำเลยให้ทำหน้าที่คนขับรถยนต์ ได้ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ฬ - 5395 ซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของและผู้ครอบครอง โดยมีบริวารของจำเลยร่วมนั่งไปในรถคันดังกล่าวจากกรุงเทพมหานครไปจังหวัดชลบุรี ด้วยความประมาทเป็นเหตุรถเสียหลักพุ่งเข้าชนรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ฆ - 0350 ของโจทก์ ซึ่งนางสาววิยะดาเป็นผู้ขับในทางที่สวนมา ทำให้รถโจทก์เสียหายไฟไหม้ทั้งคัน นางสาววิยะดาถึงแก่ความตาย โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส โจทก์เสียค่าซ่อมรถ 29,800 บาท ค่ารักษาพยาบาล ฯลฯเป็นเงิน 230,945 บาท เสียค่าเสียหายให้นายจ้าง 60,000 บาท ขาดรายได้พิเศษวันละ 100 บาท ขอคิด 2 ปี เป็นเงิน 72,000 บาท รวมค่าเสียหาย 396,945 บาท ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์ ก.ท.ฬ - 5395 จริง แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยไม่ได้เป็นผู้ครอบครอง นายสุขไม่ได้เป็นผู้รับใช้จ้างวาน ไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลย นายสุขยืมรถจากบุตรชายจำเลยโดยจำเลยมิได้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจหรือยินยอม นายสุขมิได้ขับรถโดยประมาท โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมค่าเสียหายไม่เป็นจริงตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียนก.ท.ฬ - 5395 แต่จำเลยไม่ได้เป็นผู้ใช้จ้างวานให้นายสุขขับรถไปตามความต้องการของจำเลย และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ผู้ครอบครองตามความหมายของมาตรา 437 หมายถึงผู้ที่ใช้ยานพาหนะนั้นในฐานะเป็นผู้ยึดถือในขณะเกิดความเสียหายหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งหมายถึงผู้ที่ได้ครอบครองยานพาหนะนั้นอยู่ในขณะเกิดเหตุซึ่งได้กำหนดความหมายแคบกว่าความหมายของผู้เป็นเจ้าของ เพราะในบางกรณีผู้ที่เป็นเจ้าของอาจจะไม่ได้เป็นผู้ครอบครองยานพาหนะนั้นในขณะที่ไปก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นก็ได้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมิได้อยู่หรือไปกับรถขณะเกิดเหตุจำเลยจึงไม่เป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะในขณะเกิดเหตุ
พิพากษายืน