โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ 2393/2560 ของศาลจังหวัดพัทยา และให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 2,000,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ระหว่างพิจารณา นายจอร์จ ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 2,000,000 บาท นับแต่วันทำละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
จำเลยไม่ให้การในคดีส่วนแพ่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ โดยรักษาการอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูงภาค 7 ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคหนึ่ง (เดิม) จำคุก 3 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 3 เดือน นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ 2393/2560 ของศาลจังหวัดพัทยา กับให้จำเลยชำระเงิน 2,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินดังกล่าวในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 ถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยให้ปรับเปลี่ยนลดลงหรือเพิ่มขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาซึ่งออกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีส่วนแพ่งทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เรือนจำกลางเพชรบุรีส่งหนังสือฉบับลงวันที่ 7 มิถุนายน 2566 เรื่อง ผู้ต้องขังเสียชีวิต แจ้งว่าจำเลยถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 ด้วยสาเหตุมะเร็งปากมดลูกระยะสุดท้าย โจทก์และผู้ร้องไม่คัดค้าน
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (1) จึงให้จำหน่ายคดีในส่วนอาญาเสียจากสารบบความ สำหรับคดีในส่วนแพ่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการเพื่อให้บุคคลที่กฎหมายกำหนดเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยผู้มรณะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42