โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 157, 326 และ 328
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบด้วยมาตรา 83 ให้จำคุกคนละ 2 ปี และปรับคนละ 20,000 บาท เมื่อได้คำนึงถึงอายุและประวัติการรับราชการของจำเลยทั้งสองแล้ว จำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ระดับ 9 ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่บุคลากร ระดับ 6 ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เห็นควรให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองไว้คนละ 2 ปี หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับ ให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30 ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาตามฎีกาของจำเลยทั้งสองเพียงว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนาหน่วงเหนี่ยวการแต่งตั้งไม่ให้โจทก์ไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำลูกกาตามมติที่ประชุมคณะกรรมการวางแผนและประเมินผลเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2542 อันเป็นการที่จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาหรือไม่ ดังนี้ การสั่งให้โจทก์ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำลูกกาหรือผู้อำนวยการ ณ ที่ใดเป็นหน้าที่ของปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่จะเป็นผู้สั่ง จึงเป็นช่วงเวลาระหว่างที่โจทก์จะต้องรอคำสั่งของปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่าจะสั่งการอย่างใด ซึ่งเป็นกรณีมีคำสั่งย้ายโจทก์ แต่กรณีที่จำเลยทั้งสองมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีให้โจทก์กลับไปปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลลำลูกกาตามหนังสือขอย้ายของโจทก์เป็นการแก้ปัญหาให้โจทก์ตามความประสงค์ของโจทก์เองในระหว่างรอคำสั่งจริงของปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพราะตำแหน่งของโจทก์คือตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำลูกกาอยู่แล้ว เพียงแต่มาช่วยราชการที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี การจะให้กลับไปปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลลำลูกกาอีกจึงมิใช่การสั่งย้ายซึ่งอยู่ในอำนาจสั่งการของปลัดกระทรวงสาธารณสุขตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 แต่เป็นเพียงการสั่งให้ไปปฏิบัติราชการซึ่งเป็นอำนาจสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัดตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 54 ในเรื่องนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ได้ตีความเรื่องอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้บังคับบัญชาบรรดาข้าราชการฝ่ายบริหารของส่วนราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ในราชการส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัดย่อมมีอำนาจสั่งให้ข้าราชการฝ่ายบริหารของส่วนราชการดังกล่าวไปปฏิบัติราชการยังส่วนราชการต่าง ๆ ในเขตจังหวัดนั้นได้เพราะเป็นการใช้อำนาจบริหารของผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้การบริหารราชการในส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัดดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรา 54 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 จำเลยทั้งสองได้ดำเนินการไปโดยชอบด้วยกฎหมายตามความประสงค์ของโจทก์ มิได้เจตนากลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เหตุที่จำเลยทั้งสองไม่ดำเนินการใด ๆ หลังจากนายอารีย์ส่งเรื่องคืนแล้วเป็นเพราะขณะที่มีปัญหาผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีไม่ลงนามในหนังสืออนุมัติให้โจทก์กลับไปปฏิบัติราชการที่โรงพยาบาลลำลูกกานั้น จำเลยที่ 1 ต้องย้ายไปรับราชการที่จังหวัดนครนายก การไม่ได้ดำเนินการใด ๆ หลังจากนายอารีย์ส่งเรื่องคืนจึงไม่ใช่เรื่องที่จำเลยที่ 1 มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย แต่เป็นหน้าที่ของนายแพทย์อำนวย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีคนใหม่ที่มาดำรงตำแหน่งแทนจำเลยที่ 1 ที่จะต้องดำเนินการต่อไป หลังจากนายแพทย์อำนวยมารับหน้าที่แทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ก็นำเรื่องของโจทก์เข้าหารือกับนายแพทย์อำนวย แต่นายแพทย์อำนวยมิได้ให้ความเห็นใดแก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงเก็บเรื่องรอไว้เพราะไม่ทราบว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร จนกระทั่งมีการคัดค้านการที่โจทก์จะกลับไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำลูกกาและคณะกรรมการวางแผนและประเมินผลมีมติไม่ให้โจทก์กลับไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำลูกกา จำเลยที่ 2 จึงยุติไม่ดำเนินการเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะขอย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำลูกกาอีก จำเลยทั้งสองมิได้มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์ จึงไม่มีเหตุที่จำเลยทั้งสองจะกลั่นแกล้งโจทก์เพื่อให้ได้รับความเสียหาย เห็นว่า ขณะเกิดเหตุโจทก์ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำลูกกา ต่อมาโจทก์ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีจึงสั่งให้โจทก์ไปปฏิบัติราชการที่โรงพยาบาลลาดหลุมแก้ว อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี จากนั้นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2542 ได้มีการประชุมคณะกรรมการวางแผนและประเมินผล ณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี โดยจำเลยที่ 1 เป็นประธานในที่ประชุม ที่ประชุมคณะกรรมการดังกล่าวมีมติให้โจทก์กลับไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำลูกกา ซึ่งมติที่ประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมในวาระการพิจารณาสถานที่ปฏิบัติงานของโจทก์ว่าจะให้โจทก์ไปปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลลำลูกกาหรือที่โรงพยาบาลลาดหลุมแก้วตามที่โจทก์ขอในบันทึกของโจทก์ มติที่ประชุมคณะกรรมการวางแผนและประเมินผลที่ให้โจทก์ซึ่งปฏิบัติราชการที่โรงพยาบาลลาดหลุมแก้วกลับไปปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลลำลูกกาซึ่งโจทก์ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำลูกกาอยู่ดังกล่าวจึงมิใช่คำสั่งให้ย้ายโจทก์ไปที่ใดที่หนึ่งภายในจังหวัดปทุมธานี แต่เป็นคำสั่งให้โจทก์ไปปฏิบัติราชการที่ใดที่หนึ่งภายในจังหวัดปทุมธานี การออกคำสั่งให้โจทก์ไปปฏิบัติราชการในกรณีเช่นนี้จึงมิต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยการย้ายข้าราชการระดับ 8 ภายในจังหวัดของหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการย้าย การโอน การให้ปฏิบัติราชการ และการยืมตัวข้าราชการสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2537 ที่จำเลยที่ 1 ผู้เป็นนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีต้องเสนอเรื่องขอย้ายตามความเห็นของคณะกรรมการวางแผนและประเมินผลต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อพิจารณาอนุมัติในหลักการ แล้วให้จังหวัดเสนอเรื่องไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขพร้อมทั้งแนบใบขอย้ายเพื่อให้กองการเจ้าหน้าที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเสนอปลัดกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาอนุมัติพร้อมลงนามคำสั่ง สำหรับการออกคำสั่งให้โจทก์ไปปฏิบัติราชการที่ใดที่หนึ่งภายในจังหวัดปทุมธานี มีพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ในจังหวัดหนึ่งให้มีผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่งเป็นผู้รับนโยบายและคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มาปฏิบัติการให้เหมาะสมกับท้องที่และประชาชน และเป็นหัวหน้าบังคับบัญชาบรรดาข้าราชการฝ่ายบริหารซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในราชการส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัดและรับผิดชอบในราชการจังหวัดและอำเภอ และจะให้มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด หรือทั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดก็ได้" จากบทบัญญัติมาตรา 54 วรรคหนึ่ง ดังกล่าว เห็นได้ว่า สำหรับกรณีที่ส่วนราชการเป็นราชการส่วนภูมิภาค ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้บังคับบัญชาบรรดาข้าราชการฝ่ายบริหารของส่วนราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการในส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัดย่อมมีอำนาจสั่งให้ข้าราชการฝ่ายบริหารของส่วนราชการดังกล่าวไปปฏิบัติราชการยังส่วนราชการต่าง ๆ ในเขตจังหวัดนั้นได้เพราะเป็นการใช้อำนาจในทางบริหารของผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้การบริหารราชการในส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัดดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีจึงมีอำนาจสั่งให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นข้าราชการฝ่ายบริหารของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีซึ่งเป็นราชการส่วนภูมิภาคไปปฏิบัติราชการยังโรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่งในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีในเขตจังหวัดปทุมธานีได้โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 54 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว การที่จำเลยทั้งสองได้ส่งเรื่องที่คณะกรรมการวางแผนและประเมินผลมีมติให้โจทก์กลับไปปฏิบัติราชการเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำลูกกาเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2542 ไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีเพื่อพิจารณาสั่งก็เป็นการปฏิบัติทำนองเดียวกับที่จำเลยทั้งสองเคยทำบันทึกเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีให้มีคำสั่งให้โจทก์ไปช่วยปฏิบัติราชการที่โรงพยาบาลลาดหลุมแก้วตามที่จำเลยที่ 1 สั่งให้ฝ่ายบริหารดำเนินการ การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวจึงเป็นการปฏิบัติที่ชอบด้วยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 54 วรรคหนึ่งแล้ว พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาทั้งหมดยังไม่มีน้ำหนักและเหตุผลพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนาหน่วงเหนี่ยวการแต่งตั้งไม่ให้โจทก์ไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำลูกกาตามมติที่ประชุมคณะกรรมการวางแผนและประเมินผลเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2542 อันเป็นการที่จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษา ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ให้จำคุกคนละ 2 ปี และปรับคนละ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองมาเสียด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1
??
??
??
??