โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ ตาม พระราชบัญญัติ ว่าด้วย ความผิด อัน เกิดจาก การ ใช้ เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 และ นับ โทษ จำเลย ต่อ จาก โทษใน คดีอาญา ดังกล่าว
ศาลชั้นต้น ไต่สวน มูลฟ้อง แล้ว เห็นว่า คดี มีมูล ให้ ประทับ ฟ้อง
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม พระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิด อัน เกิดจาก การ ใช้ เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 จำคุก 1 ปี คดี ที่ขอให้ นับ โทษ ต่อ ไม่ปรากฏ กว่า ศาลอาญา มี คำพิพากษา ลงโทษ จำคุก จำเลยจึง ให้ยก คำขอ
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า "พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ฟัง ยุติ ได้ว่าจำเลย เป็น ผู้สั่งจ่าย เช็คพิพาท และ ธนาคาร ได้ ปฏิเสธ การ จ่ายเงินตามเช็ค ดังกล่าว ปัญหา ตาม ฎีกา ของ โจทก์ มี ว่า โจทก์ เป็น ผู้เสียหายหรือไม่ เห็นว่า แม้ หนี้ ตาม สัญญา เอกสาร หมาย จ. 10 จะ เนื่องมาจากนาง ตา ธารสุนทร ภริยา โจทก์ นำ บ้าน และ ที่ดิน ซึ่ง เป็น สินสมรส ไป จำนอง เป็น ประกันหนี้ ที่ จำเลย กู้ยืม จาก ธนาคาร และ โจทก์ กับ นาง ตา ต้อง ชำระหนี้ แก่ ธนาคาร แทน จำเลย จึง เป็น เจ้าหนี้ จำเลยร่วม กัน ตาม ฎีกาของ โจทก์ ก็ ตาม แต่เมื่อ ได้ ทำ สัญญา เอกสาร หมาย จ. 10 และ ตาม สัญญาดังกล่าว ระบุ ไว้ ชัดแจ้ง ว่า จำเลย ยืมเงิน จาก นาง ตา และ ชำระหนี้ เป็น เช็ค รวม 4 ฉบับ ซึ่ง รวม เช็คพิพาท ด้วย โดย จำเลย ลงลายมือชื่อใน ช่อง ผู้กู้ นาง ตา ลงลายมือชื่อ ใน ช่อง ผู้ให้กู้ ส่วน โจทก์ ลงลายมือชื่อ ใน ช่อง พยาน เท่านั้น ก็ ต้อง ฟัง ว่า จำเลย ยืมเงิน จาก นาง ตา และ ออก เช็คพิพาท ชำระหนี้ ให้ แก่ นาง ตา ไม่ได้ชำระ ให้ แก่ โจทก์ โจทก์ จะ อ้างว่า ใน สัญญา เอกสาร หมาย จ. 10 ที่ มี ชื่อ นาง ตา เป็น ผู้ให้กู้ เพียง คนเดียว เพราะ โจทก์ ให้ นาง ตา กระทำการ แทน และ โจทก์ เป็น ผู้ทรงเช็ค พิพาท ร่วม กับ นาง ตา หาได้ไม่ โจทก์ ไม่ใช่ ผู้ทรงเช็ค โดยชอบ ด้วย กฎหมาย จึง ไม่เป็น ผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ไม่มี อำนาจฟ้อง ตาม มาตรา 28(2) ที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา มา นั้น ชอบแล้ว ฎีกา ของโจทก์ ฟังไม่ขึ้น "
พิพากษายืน