คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์และผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยจำนวน 2 คดี คือคดีนี้และคดีหมายเลขแดงที่ ผบ.2941/2561 ของศาลแขวงขอนแก่น แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ วันที่ 28 มิถุนายน 2560 ผู้ร้องนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 252403 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อขายทอดตลาด วันที่ 26 กันยายน 2561 เจ้าพนักงานบังคับคดีจังหวัดขอนแก่นขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างไปในราคา 2,290,000 บาท ต่อมาวันที่ 23 กันยายน 2562 ผู้ร้องมายื่นคำร้องเป็นคดีนี้ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าว
ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 252403 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง เจ้าพนักงานบังคับคดีจังหวัดขอนแก่นยึดไว้ในคดีหมายเลขแดงที่ ผบ.2941/2561 ของศาลแขวงขอนแก่น ศาลแขวงขอนแก่นจึงเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดี ศาลนี้ไม่มีอำนาจวินิจฉัยคำร้อง ให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา โดยศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในสำนวนได้ความว่า โจทก์หรือผู้ร้องกับจำเลยในคดีนี้และคดีหมายเลขแดงที่ ผบ.2941/2561 ของศาลแขวงขอนแก่น เป็นคู่ความรายเดียวกัน เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2559 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 4,339,396.43 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 4,079,075.47 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 21 มีนาคม 2559) จนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 252403 พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ ถ้าไม่พอชำระให้บังคับจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยชำระหนี้จนครบ แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2560 โจทก์ยื่นคำขอออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามขอ วันที่ 27 มิถุนายน 2560 ผู้แทนโจทก์คดีนี้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 252403 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ในวันเดียวกันเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดกาฬสินธุ์มีหนังสือขอให้ศาลจังหวัดขอนแก่นออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดขอนแก่นยึดทรัพย์และทำการขายทอดตลาดทรัพย์แทนเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดกาฬสินธุ์ วันที่ 28 มิถุนายน 2560 เจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดขอนแก่นยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดขอนแก่นประกาศขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2561 ผู้คัดค้านที่ 2 ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดได้ ต่อมาผู้คัดค้านที่ 2 ขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์หรือผู้ร้องที่ได้รับอนุญาตให้ฎีกาว่า ผู้ร้องมีอำนาจยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า หลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยไม่ชำระหนี้ ผู้ร้องซึ่งเป็นโจทก์คดีนี้ยื่นคำขอออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามขอ วันที่ 27 มิถุนายน 2560 ผู้แทนโจทก์คดีนี้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 252403 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง วันที่ 28 มิถุนายน 2560 เจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดขอนแก่นยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7 (2) บัญญัติว่า "คำฟ้องหรือคำร้องขอที่เสนอเกี่ยวเนื่องกับการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลซึ่งคำฟ้องหรือคำร้องขอนั้นจำต้องมีคำวินิจฉัยของศาลก่อนที่การบังคับคดีจะได้ดำเนินไปได้โดยครบถ้วนและถูกต้องนั้น ให้เสนอต่อศาลที่กำหนดไว้ในมาตรา 271" และมาตรา 271 บัญญัติให้ ศาลที่มีอำนาจในการบังคับคดีซึ่งมีอำนาจกำหนดวิธีการบังคับคดีตามมาตรา 276 และมีอำนาจทำคำวินิจฉัยชี้ขาดหรือทำคำสั่งในเรื่องใด ๆ อันเกี่ยวด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง คือศาลที่ได้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นต้น ดังนี้ เมื่อศาลที่ได้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นต้นรวมทั้งมีอำนาจบังคับคดีและออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 252403 พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาด คือศาลชั้นต้น ผู้ร้องจึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 252403 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยถูกยึดไว้และขายทอดตลาดตามคำพิพากษาของศาลแขวงขอนแก่น ศาลแขวงขอนแก่นจึงเป็นศาลที่มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องใด ๆ อันเกี่ยวกับการบังคับคดีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวของจำเลย โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดต่อศาลแขวงขอนแก่นไม่ใช่ศาลชั้นต้นนั้นเป็นการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อนเพราะที่ดินโฉนดเลขที่ 252403 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยมิได้ถูกยึดและขายทอดตลาดตามคำพิพากษาของศาลแขวงขอนแก่น ขณะมีการยึดทรัพย์คดีนี้เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2560 คดีหมายเลขแดงที่ ผบ.2941/2561 ศาลแขวงขอนแก่นยังมิได้มีคำพิพากษา โดยศาลแขวงขอนแก่นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2561 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้อง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อย่างไรก็ตาม คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องโดยมิได้ไต่สวนคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด ศาลฎีกาจึงต้องย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น และคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 4 ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำร้องของผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งสองแล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่