คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 7,775,806.22 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 5 ตุลาคม 2560) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 6 โจทก์และจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องทำนองเดียวกันว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงกันได้จึงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อกัน ศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์และจำเลยที่ 1 ถอนอุทธรณ์ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีและอายัดสิทธิเรียกร้องในเงินฝากของจำเลยที่ 1 ที่มีต่อธนาคาร ก. เป็นเงิน 9,143,427.32 บาท จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า หลังจากยื่นอุทธรณ์แล้วโจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงกันตามหนังสือสัญญาธุรกิจ ให้นำหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้แปลงเป็นทุนเพื่อทำธุรกิจร่วมกัน และจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติตามหนังสือสัญญาธุรกิจครบถ้วนแล้ว หนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นระงับสิ้นไปตามเจตนาของโจทก์และจำเลยที่ 1 การกระทำของโจทก์เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดี การบังคับคดีและยกเลิกคำสั่งอายัดสิทธิเรียกร้องในเงินฝากของจำเลยที่ 1 ที่มีต่อธนาคาร ก.
โจทก์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ได้โต้แย้งกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว โจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างยื่นอุทธรณ์ ต่อมาวันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 นายโอทำสัญญาร่วมลงทุนกับฝ่ายจำเลยที่ 1 โดยในสัญญาข้อ 14 มีข้อความทำนองว่า ทันทีที่ลงนามในสัญญาต่อกัน ให้ฝ่ายนายโอรับผิดชอบในการยกเลิกการฟ้องร้องคดีทั้งหมดที่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ 1 หลังจากนั้นวันที่ 26 ธันวาคม 2561 โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง และจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำสั่งว่า การขอถอนฟ้องของโจทก์พอแปลความได้ว่าโจทก์ขอถอนอุทธรณ์ จึงอนุญาตให้โจทก์และจำเลยที่ 1 ถอนอุทธรณ์ แต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2562 โจทก์กลับยื่นคำขอหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาโดยเจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดสิทธิเรียกร้องในเงินฝากของจำเลยที่ 1 ที่มีต่อธนาคาร ก.
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 มีว่า หมายบังคับคดีและการบังคับคดีบกพร่องผิดพลาดหรือฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า แม้หนังสือสัญญาธุรกิจพร้อมคำแปล เป็นสัญญาระหว่างจำเลยที่ 1 กับนายโอ ก็ตามแต่ก็ได้ความตามคำเบิกความของนายซอง กรรมการจำเลยที่ 1 ที่ตอบทนายจำเลยที่ 1 ซักถามว่า นายโอ ร่วมกับนางสาวกุญญดา ก่อตั้งบริษัทโจทก์และเป็นผู้ถือหุ้นของโจทก์ ในการติดต่อประสานงานกับจำเลยที่ 1 หรือบริษัทแม่ของจำเลยที่ 1 ที่ประเทศเกาหลี นายโอเป็นตัวแทนติดต่อประสานงานแทนโจทก์ทั้งหมด เนื่องจากนางสาวกุญญดาไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาเกาหลีได้ นอกจากนี้นายโอ ยังแสดงตนโดยเปิดเผยต่อคนทั่วไปว่า ตนเองเป็นเจ้าของหรือตัวแทนของโจทก์ ซึ่งสอดคล้องกับหนังสือบริคณห์สนธิ ที่ระบุว่า นายโอ เป็นผู้เริ่มก่อการและเป็นผู้ถือหุ้นของโจทก์ ประกอบกับสัญญาว่าจ้างผลิตชิ้นงาน ที่โจทก์และจำเลยที่ 1 พิพาทกันในคดีนี้ นายโอก็เป็นผู้ลงลายมือชื่อในสัญญาดังกล่าวแทนโจทก์ นอกจากนี้ภายหลังจากที่นายโอทำสัญญาร่วมลงทุนกับจำเลยที่ 1 ตามหนังสือสัญญาธุรกิจพร้อมคำแปล ซึ่งมีข้อตกลงในข้อ 14 ว่า "...ทันทีที่ลงนามในสัญญาต่อกันให้ฝ่าย ข (คือนายโอ) รับผิดชอบในการยกเลิกการฟ้องร้องคดีทั้งหมดที่ TSE (คือโจทก์) ได้ฟ้องร้องต่อบริษัท T. (คือจำเลยที่ 1)" แล้ว ต่อมาวันที่ 26 ธันวาคม 2561 โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องและจำเลยที่ 1 ต่างยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ โดยคำร้องของโจทก์ระบุว่า เนื่องจากโจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงกันได้ โจทก์จึงไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยที่ 1 อีกต่อไป จึงขออนุญาตถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ด้วย โดยนางสาวกุญญดาซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อพร้อมประทับตราสำคัญของโจทก์ในคำร้องขอถอนฟ้องด้วยตนเองและจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อไม่คัดค้าน ส่วนคำร้องขอถอนอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 นางสาวกุญญดาได้ลงลายมือชื่อพร้อมประทับตราสำคัญของโจทก์ไม่คัดค้านเช่นเดียวกัน ดังนี้ จะเห็นได้ว่า การทำหนังสือสัญญาธุรกิจระหว่างจำเลยที่ 1 กับนายโอ และการทำคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์และคำร้องขอถอนอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 มีความเกี่ยวพันและเป็นลำดับสืบเนื่องกันมา จึงถือได้ว่านายโอเป็นตัวแทนของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797 ในการทำหนังสือสัญญาธุรกิจกับฝ่ายจำเลยที่ 1 ผู้เป็นบุคคลภายนอก จึงมีผลผูกพันโจทก์ในฐานะตัวการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820 เมื่อพิจารณาเจตนาของโจทก์และฝ่ายจำเลยที่ 1 ในการทำหนังสือสัญญาธุรกิจ ประกอบคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์และคำร้องขออุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 แล้ว จะเห็นได้ว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 มีเจตนาที่จะยุติคดีที่มีการฟ้องร้องต่อกันทั้งหมด เพราะหากโจทก์และจำเลยที่ 1 ประสงค์ให้หนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ยังมีอยู่ต่อไปและโจทก์ประสงค์ถอนอุทธรณ์เท่านั้น คำร้องของโจทก์น่าจะต้องระบุข้อความชัดเจนว่า ขอถอนอุทธรณ์ และน่าจะต้องระบุความรับผิดของจำเลยที่ 1 ไว้ให้ชัดเจนในหนังสือสัญญาธุรกิจด้วยว่า โจทก์ยังติดใจที่จะบังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนี้ การที่โจทก์และจำเลยที่ 1 มิได้กล่าวถึงหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ไว้ในหนังสือสัญญาธุรกิจ และยื่นคำร้องโดยระบุข้อความว่า ขอถอนฟ้อง ประกอบกับโจทก์ร่วมลงทุนกับจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกเงินลงทุนทั้งหมดในอัตราร้อยละร้อยเป็นเงิน 500,000 เหรียญสหรัฐ ส่วนโจทก์เป็นผู้บริหารกิจการโดยมิได้ออกเงินลงทุนเพิ่มเติม ย่อมแสดงให้เห็นว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 ประสงค์จะให้คดียุติลงอย่างแท้จริงโดยนำหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้แปลงเป็นทุนในการทำธุรกิจร่วมกัน และโจทก์ยอมสละสิทธิในหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ทั้งหมดให้แก่จำเลยที่ 1 นอกจากนี้ภายหลังโจทก์และฝ่ายจำเลยที่ 1 ทำหนังสือสัญญาธุรกิจแล้ว โจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างปฏิบัติตามข้อตกลงในหนังสือสัญญาธุรกิจครบถ้วน คงเหลือเพียงแต่การถอนฟ้องคดีนี้เท่านั้นที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาและคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 6 ล่วงเลยเวลาตามกฎหมายที่จะถอนฟ้องแล้ว โจทก์และจำเลยที่ 1 จึงทำได้เพียงการถอนอุทธรณ์เท่านั้น ดังนั้น การถอนอุทธรณ์ของโจทก์และจำเลยที่ 1 ย่อมมีผลเท่ากับเจตนาที่จะให้หนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้สิ้นสุดลงทั้งหมด การที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ทำหนังสือสัญญาธุรกิจและยื่นคำร้องขอถอนฟ้องและคำร้องขอถอนอุทธรณ์ตามคำร้องลงวันที่ 26 ธันวาคม 2561 จึงเป็นข้อตกลงในชั้นบังคับคดีที่โจทก์ยอมรับในศาลแล้ว เมื่อโจทก์ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาโดยแปลงเป็นทุนในการทำธุรกิจร่วมกับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงในหนังสือสัญญาธุรกิจครบถ้วนแล้ว โดยการก่อตั้งบริษัท ว. ที่ประเทศเมียนมา มีนายโอเป็นกรรมการ ตามหนังสือรับรอง หนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ย่อมระงับสิ้นไป โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีโดยยึดและอายัดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาต่อไปได้ การที่โจทก์ขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต หมายบังคับคดีและการบังคับคดีที่ศาลชั้นต้นดำเนินการจึงไม่ชอบ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษาให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 1 มานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนหมายบังคับคดีและการดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ตามหมายบังคับคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ