โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีไม้หวงห้ามแปรรูปคือไม้เกว้าไม้ตะแบกใหญ่ ไม้พลวง ไม้เต็ง รวมปริมาตร 5.12 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 ไว้ในความครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73, 74 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 7, 9 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ จำคุกจำเลย 2 ปี ปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย 1 ปี ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่รอการลงโทษ
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี และปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลยไปทันทีโดยไม่รอการลงโทษให้ แต่ศาลอุทธรณ์ก็ยังลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปีและปรับไม่เกินหมื่นบาท จำเลยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ฎีกาของจำเลยที่ขอให้ศาลรอการลงโทษเป็นฎีกาดุลพินิจของศาลอุทธรณ์อันเป็นข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลย