คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยและขอให้ยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษา ศาลอนุญาตโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานยึดเงินของจำเลยไว้ ๒๕๐๐ บาท ระหว่างพิจารณาจำเลยต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย ในที่สุดศาลได้พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีให้จำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยรวม ๒๐๗๔ บาท ๖๖ สตางค์ ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้หักเงินที่ยึดไว้จ่ายค่าธรรมเนียมศาล และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้โจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งว่าเรื่องนี้ เจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ได้สั่งให้กองหมายส่งเงินของผู้ล้มละลายนี้ไปให้เจ้าพนักงานรักษาทรัพย์และให้กักไว้ฉะเพาะค่าธรรมเนียมกองหมายและค่าใช้จ่ายในการบังคับคดีเท่านั้น โจทก์จึงยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินค่าธรรมเนียมและค่าทนายความและโจทก์ตามที่ขอ
ศาลฎีกาตัดสินว่าปัญหาแห่งคดีนี้คงมีว่าจะเข้าตามบทบัญญัติ ม.๔๔ แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลายหรือไม่ สำหรับอนุมาตรา ๑ เป็นเรื่องยึดทรัพย์ตามคำพิพากษาในคดีนี้ แต่คดีนี้เป็นเรื่องยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษา จึงไม่เข้าตามอนุมาตรา ๑ นี้ ส่วนอนุมาตรา ๒ ก็บัญญัติถึงกรณีที่ทรัพย์ที่ถูกยึดและอายัติยังเป็นตัวทรัพย์อยู่ แต่คดีนี้เป้นเรื่องยึดเงินจึงไม่เข้าตามอนุมาตรา ๒ นี้อีก เมื่อรูปคดีไม่เข้าตาม ม.๔๔ แล้วเงินรายนี้จึงเป็นทรัพย์ของผู้ล้มละลาย อยู่เมื่อจำเลยมาล้มละลายในระหว่างพิจารณาเงินรายนี้ต้องตกอยู่ในความปกครองของเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ ตาม ม.๑๔ แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลาย และเมื่อไม่มีกฎหมายบทใดยกเว้นไว้ว่าเงินที่ยึดไว้ก่อนคำพิพากษา เช่นนี้ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีหักค่าธรรมเนียมให้โจทก์แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ให้ยกคำร้องโจทก์ขอบแล้ว ยืนตาม