คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสามเด็ดขาดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2553 และพิพากษาให้ล้มละลายเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2554
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอแก้ไขคำขอรับชำระหนี้ขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องแก้ไขคำขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้ไม่มีประกันโดยขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้มีประกันในที่ดินโฉนดเลขที่ 18874 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์พร้อมอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำสั่งศาลล้มละลายกลางชอบแล้ว กรณีไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่ง จึงไม่อนุญาตให้ผู้ร้องอุทธรณ์ ให้ยกคำร้องและไม่รับอุทธรณ์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์แก่ผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้ฟังยุติได้ว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้มีประกันแต่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีหมายเลขแดงที่ ผบ.22/2551 ในฐานะเจ้าหนี้ไม่มีประกันจากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94 ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องขอแก้ไขคำขอรับชำระหนี้จากเจ้าหนี้ไม่มีประกันเป็นเจ้าหนี้มีประกัน
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องมีว่า ผู้ร้องมีสิทธิขอแก้ไขข้อความในรายการคำขอรับชำระหนี้หรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 97 บัญญัติว่า "ถ้าเจ้าหนี้มีประกันขอรับชำระหนี้โดยไม่แจ้งว่าเป็นเจ้าหนี้มีประกัน เจ้าหนี้นั้นต้องคืนทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และสิทธิเหนือทรัพย์นั้นเป็นอันระงับ เว้นแต่เจ้าหนี้นั้นจะแสดงต่อศาลได้ว่า การละเว้นนั้นเกิดขึ้นโดยพลั้งเผลอในกรณีเช่นนี้ศาลอาจอนุญาตให้แก้ไขข้อความในรายการแห่งคำขอรับชำระหนี้ โดยกำหนดให้คืนส่วนแบ่งหรือกำหนดอย่างอื่นตามที่เห็นสมควรก็ได้" โดยมาตรา 97 มิได้กำหนดระยะเวลาในการขอแก้ไขข้อความในรายการคำขอรับชำระหนี้ไว้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอแก้ไขข้อความในรายการคำขอรับชำระหนี้ได้ไม่ว่าระยะเวลาใด ๆ แม้ว่าจะพ้นกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 91 แล้วก็ตาม ส่วนปัญหาว่า ผู้ร้องขอรับชำระหนี้โดยไม่แจ้งว่าเป็นเจ้าหนี้มีประกันเกิดขึ้นโดยพลั้งเผลอหรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อผู้คัดค้านตามคำขอรับชำระหนี้และบัญชีรายละเอียดแห่งหนี้สินและทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน โดยระบุในคำขอรับชำระหนี้ว่าเป็นหนี้ตามคำพิพากษา ส่วนบัญชีรายละเอียดแห่งหนี้สินและทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันก็ระบุว่า เป็นหนี้ตามคำพิพากษาของศาลแพ่งกรุงเทพใต้คดีหมายเลขแดงที่ ผบ.22/2551 ระหว่างผู้ร้องเป็นโจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 คดีนี้เป็นจำเลย มีหลักฐานประกอบหนี้เป็นคำพิพากษาตามยอม และสัญญาประนีประนอมยอมความของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ซึ่งจะนำส่งต้นฉบับหลักฐานในชั้นสอบสวน เมื่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำพิพากษาตามยอมและสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ 4 ระบุว่า หากจำเลยทั้งสอง (คือจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในคดีนี้) ผิดนัดไม่ชำระหนี้ไม่ว่างวดใดงวดหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดในหนี้ทั้งหมด จำเลยทั้งสองยอมรับผิดชำระหนี้เต็มตามฟ้อง ให้โจทก์มีสิทธิบังคับคดียึดทรัพย์จำนองห้องชุดเลขที่ 735/372 ชั้นที่ 29 อาคารเลขที่ 1 ชื่ออาคารชุดคอนโด ท. ทะเบียนอาคารชุดเลขที่ 1/2539 ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 28741 และที่ดินโฉนดเลขที่ 18874 พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาด หากขายได้ไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ ข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้มีประกันจึงปรากฏในคำพิพากษาตามยอมและสัญญาประนีประนอมยอมความของศาลแพ่งกรุงเทพใต้แล้ว การที่ผู้ร้องมิได้ระบุโฉนดที่ดินเลขที่ 18874 เป็นหลักฐานประกอบไว้ในบัญชีรายละเอียดแห่งหนี้สินและทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน ก็จะฟังว่า ผู้ร้องไม่ประสงค์ที่จะขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้มีประกันเสียทีเดียวหาได้ไม่ ทั้งตามบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นของนายภานุ ลูกจ้างและทนายผู้ร้องให้ถ้อยคำไว้ว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้มีประกัน แต่พลั้งเผลอยื่นคำขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้ไม่มีประกันเนื่องจากเข้าใจว่าได้มีการขายทอดตลาดทรัพย์หลักประกันในคดีของศาลแพ่งกรุงเทพใต้แล้ว ผู้ร้องมิได้มีเจตนาขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้ไม่มีประกัน เมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าผู้ร้องปกปิดหลักประกันเพื่อเอาเปรียบเจ้าหนี้อื่น ทั้งผู้คัดค้านมิได้นำสืบพยานหลักฐานเพื่อหักล้างให้เห็นเป็นอย่างอื่นเพียงแต่กล่าวอ้างลอย ๆ ว่า ผู้ร้องไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามวิสัยของสถาบันการเงินที่จะพึงมีเท่านั้น ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามที่ผู้ร้องนำสืบว่า การที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้โดยไม่แจ้งว่าเป็นเจ้าหนี้มีประกันเกิดขึ้นโดยพลั้งเผลอ ผู้ร้องชอบที่จะขออนุญาตแก้ไขข้อความในรายการแห่งคำขอรับชำระหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 97 ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเห็นว่า คำสั่งศาลล้มละลายกลางที่ยกคำร้องของผู้ร้องชอบแล้ว กรณีไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่ง จึงไม่อนุญาตให้ผู้ร้องอุทธรณ์ ให้ยกคำร้องและไม่รับอุทธรณ์ของผู้ร้องมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาโดยได้มีการสืบพยานของคู่ความในศาลล้มละลายกลางเสร็จสิ้นแล้ว ศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษาใหม่ และเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่วินิจฉัยข้างต้นว่า ผู้ร้องขอรับชำระหนี้โดยไม่แจ้งว่าเป็นเจ้าหนี้มีประกันเกิดขึ้นโดยพลั้งเผลอและพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 97 มิได้กำหนดระยะเวลาในการขอแก้ไขข้อความในรายการคำขอรับชำระหนี้ไว้ ผู้ร้องจึงชอบที่จะขออนุญาตแก้ไขข้อความในรายการแห่งคำขอรับชำระหนี้จากการขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้ไม่มีประกันเป็นการขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้มีประกันได้
พิพากษากลับ อนุญาตให้ผู้ร้องแก้ไขข้อความในรายการแห่งคำขอรับชำระหนี้ได้ตามคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ