โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 213,777.43 บาท พร้อมเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 93,311.07 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 213,777.43 บาท พร้อมเงินเพิ่มอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 93,311.07 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก (ที่ถูก ไม่ต้องระบุ)
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 4,000 บาท
จำเลยฎีกา โดยศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ฎีกาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ได้ความจากพยานจำเลยปากนายวสรรณ์เจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งเป็นพยานคนกลางเบิกความว่า ในคดีหมายเลขแดงที่ ธ.942/2541 ของศาลแพ่ง คดีระหว่าง ธนาคาร อ. โจทก์ และนาย ส. จำเลยในคดีนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2542 โจทก์ขอให้ยึดห้องชุดพิพาท ต่อมาบริษัทบริหารสินทรัพย์ ก. เข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนธนาคาร อ. โดยขออนุญาตเข้าซื้อห้องชุดพิพาทในนามของตนเอง และแถลงขอให้หักค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่จำเลยค้างชำระซึ่งยอดหนี้ ณ เดือนเมษายน 2542 เป็นเงิน 44,737.26 บาท ซึ่งมีการประกาศขายทอดตลาดห้องชุดพิพาทที่ระบุยอดค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่ค้างชำระไว้ด้วย มีคำเตือนผู้ซื้อได้จะต้องตรวจสอบภาระหนี้สินก่อน และผู้ซื้อต้องเป็นผู้ชำระหนี้สินค้างชำระต่อนิติบุคคลอาคารชุดก่อนจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ได้ตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 18, 29 และมาตรา 41 ซึ่งถือว่าเงื่อนไขดังกล่าวเป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้เข้าประมูลซื้อห้องชุดจะต้องตรวจสอบและนำมาประกอบการตัดสินใจเข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาด ต่อมาวันที่ 19 กรกฎาคม 2549 บริษัทบริหารสินทรัพย์ ก. ผู้สวมสิทธิแทนโจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อได้ เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำรายงานแสดงรายการรับ-จ่ายครั้งที่ 1 จากคำเบิกความของพยานจำเลยดังกล่าวย่อมเป็นการแสดงว่าเมื่อมีการขายทอดตลาดผู้ซื้อหรือผู้เสนอราคารวมถึงผู้เข้าร่วมประมูลซื้อต้องเข้าใจและตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดว่ามีการค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือไม่อย่างไร เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเข้าร่วมประมูลซื้อในการขายทอดตลาดดังกล่าว โดยนำมาเป็นข้อมูลในการเสนอราคา ดังนี้ การเสนอราคามากน้อยก็ต้องขึ้นอยู่กับภาระว่ามีหนี้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนกลางที่ยังคงค้างชำระอยู่เป็นจำนวนเท่าใด อันจะเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะเสนอราคาที่เหมาะสมเพื่อซื้อทรัพย์นั้น และเมื่อมีการขายทอดตลาดได้แล้ว เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดก็จะนำไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ของเจ้าของทรัพย์ที่ขายทอดตลาดนั้น เมื่อปรากฏว่าตามประกาศขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดให้ผู้ซื้อทรัพย์ต้องเป็นผู้ชำระหนี้สินค้างชำระต่อนิติบุคคลอาคารชุด การที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ ก. เข้าร่วมประมูลซื้อทรัพย์เท่ากับตกลงยอมรับข้อกำหนดเงื่อนไขในประกาศขายทอดตลาดดังกล่าว เมื่อจำเลยมีหนี้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนกลางค้างชำระแก่โจทก์ บริษัทบริหารสินทรัพย์ ก. ผู้ประมูลซื้อห้องชุดดังกล่าวย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของร่วมเดิม บริษัทบริหารสินทรัพย์ ก. จำกัด จึงมีหน้าที่ที่จะต้องรับภาระหนี้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนกลางต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเกี่ยวกับหนี้ค่าส่วนกลางตามที่โจทก์ฟ้องเรียกเอาจากจำเลยอีก ซึ่งปัญหาว่าฟ้องโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่นั้น แม้จำเลยมิได้ยกเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ แต่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยย่อมยกปัญหานี้ขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง และมาตรา 252 ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 7 ที่โจทก์แก้ฎีกาว่า ณ วันที่ที่โจทก์ฟ้องจำเลยยังมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์นั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่ามีการขายทอดตลาดห้องชุดพิพาทให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ ก. โดยมีการชำระเงินครบถ้วนตามสัญญาซื้อขายแล้วกรรมสิทธิ์ย่อมตกแก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ ก. นับแต่วันที่ขายและได้ชำระค่าซื้อครบถ้วนแล้ว ส่วนที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ ก. ยังไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนชื่อในหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดก็ไม่ทำให้จำเลยยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดแต่อย่างใด และเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยแล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยข้ออื่นตามที่ได้รับอนุญาตให้ฎีกาอีก เนื่องจากไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ