ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องขอให้มีคำสั่งอายัดเงินฝากในบัญชีที่มีชื่อบริษัทผู้คัดค้านเป็นเจ้าของบัญชี ตามบัญชีธนาคาร ก. สาขาถนนนวลจันทร์ เลขที่ 009 – 1 – 47XXX - X บัญชีธนาคาร ท. สาขาถนนนวลจันทร์ เลขที่ 149 – 3 – 01XXX – X บัญชีธนาคาร ก. สาขาถนนนวลจันทร์ เลขที่ 024 – 1 – 39XXX – X บัญชีธนาคาร ท. สาขาถนนนวลจันทร์ เลขที่ 149 – 2 – 45XXX - X บัญชีออมทรัพย์ธนาคาร ร. สาขาเทสโก้โลตัส สุขาภิบาล 1 เลขที่ 045 – 0 – 41XXX - X และเงินประกันตามสัญญาเช่าและสัญญาบริการในห้องเลขที่ 208 และ 209 อาคาร เอ็ม เอส สยามทาวเวอร์ เลขที่ 1023 ถนนพระราม 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร ระหว่างบริษัท ท. กับผู้คัดค้านจำนวน 443,850 บาท ไว้ก่อนจนกว่าคณะอนุญาโตตุลาการจะได้มีคำชี้ขาด เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องก่อนหรือขณะดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการ ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 16
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลขอให้มีคำสั่งใช้วิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของตนตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 16 หรือไม่ โดยผู้ร้องฎีกาว่า ข้อความตามสัญญาซื้อขายข้อ 7 ผู้ร้องและผู้คัดค้านมีเจตนาระงับข้อพิพาททั้งปวง โดยรวมถึงข้อพิพาททางแพ่งทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นข้อพิพาททางสัญญาหรือละเมิดที่เกิดขึ้นจากหรือที่เกี่ยวข้องกับสัญญาซื้อขาย ถือเป็นสัญญาอนุญาโตตุลาการ ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าผู้คัดค้านจงใจทำละเมิดต่อผู้ร้อง และผู้ร้องขอเรียกเงินมัดจำคืน แต่เหตุแห่งละเมิดสืบเนื่องมาจากที่ผู้ร้องถูกผู้คัดค้านหลอกลวงให้เข้าทำสัญญาซื้อขายโดยผู้คัดค้านไม่มีเจตนาก่อนิติสัมพันธ์ให้มีผลผูกพันตามสัญญาซื้อขายหรือส่งมอบสินค้าแก่ผู้ร้อง เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินมัดจำ 66,600,000 บาท เป็นข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับสัญญาซื้อขายและเป็นข้อพิพาทที่ต้องระงับโดยวิธีอนุญาโตตุลาการนั้น เห็นว่า สัญญาซื้อขายข้อ 7 คู่สัญญาตกลงให้ระงับข้อพิพาท การโต้เถียง หรือการเรียกร้องสิทธิใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อตกลงนี้ รวมถึงความถูกต้อง ความไม่ถูกต้อง การฝ่าฝืน หรือการเลิกสัญญาดังกล่าว จะต้องได้รับการแก้หรือระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ จึงเป็นสัญญาอนุญาโตตุลาการตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 11 วรรคหนึ่ง ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้คัดค้านกับพวกร่วมกันกระทำละเมิดต่อผู้ร้องด้วยการหลอกลวงผู้ร้องโดยทุจริต ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งว่า ผู้คัดค้านมีถุงมือชนิดไนไตร ยี่ห้อ M. จำนวน 1,000,000 กล่อง ตามมาตรฐานคุณสมบัติที่ผู้ร้องต้องการและสามารถส่งมอบสินค้าให้ผู้ร้องได้ภายในกำหนด โดยไม่มีเจตนาที่จะผูกพันตามสัญญาหรือส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ร้องแต่อย่างใด ทั้งผู้คัดค้านไม่มีความสามารถที่จะชำระหนี้ด้วยการส่งมอบถุงมือไนไตรตามคุณสมบัติและจำนวนที่ระบุในสัญญาได้อย่างแน่นอน เพียงแต่อาศัยการหลอกลวงผู้ร้องให้ทำสัญญาซื้อขายเพื่อเป็นช่องทางที่จะได้รับเงินมัดจำจำนวนร้อยละ 30 ของราคาสินค้าทั้งหมด คิดเป็นจำนวนเงิน 66,600,000 บาท และเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2563 ผู้ร้องสั่งให้ E. Company โอนเงินของผู้ร้องเพื่อชำระมัดจำค่าถุงมือ 66,600,000 บาท ตามสัญญา เข้าบัญชีของผู้คัดค้านที่ธนาคาร ก. สาขาถนนนวลจันทร์ ต่อมาผู้คัดค้านกับพวกได้ร่วมกันยักย้ายเงินดังกล่าวโดยวิธีการถอนเงินสดออกจากบัญชี โอนเงินเข้าบัญชีบุคคลอื่น หรือจะโอนทรัพย์สินเพื่อประวิงหรือขัดขวางการบังคับตามคำบังคับเอาแก่ผู้คัดค้าน เพื่อทำให้ผู้ร้องเสียเปรียบและมิให้ผู้ร้องสามารถติดตามเอาทรัพย์คืนนั้น เห็นว่า เหตุบกพร่องของสัญญาในกรณีที่ผู้ร้องอ้างไม่ว่าจะเป็นการแสดงเจตนาลวงหรือกลฉ้อฉลของผู้คัดค้านอันนำไปสู่ข้ออ้างของผู้ร้องว่าเป็นการกระทำละเมิดของผู้คัดค้าน เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเนื้อหาและความสมบูรณ์ของสัญญาซื้อขาย จึงเป็นข้อพิพาทที่เกิดขึ้นหรือเกี่ยวเนื่องกับสัญญาโดยตรง อีกทั้งการยกเหตุดังกล่าวถือเป็นการโต้เถียงในเรื่องความมีอยู่ของสัญญา และการมีผลใช้บังคับของสัญญา ซึ่งอยู่ในอำนาจวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 24 การยื่นคำร้องคดีนี้จึงเป็นเรื่องสัญญา หาใช่มูลละเมิดดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้างไม่ และตามคำร้องดังกล่าวเป็นการตั้งสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับข้อโต้แย้งตามสัญญาซื้อขายซึ่งจะต้องดำเนินการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการตามข้อตกลงในสัญญา ผู้ร้องย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลขอให้มีคำสั่งใช้วิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของตนตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 16 ทั้งผู้ร้องกล่าวอ้างมาในคำร้องดังกล่าวแล้วว่า ผู้คัดค้านมีพฤติการณ์ตั้งใจจะยักย้ายทรัพย์สินที่พิพาทหรือทรัพย์สินของตนทั้งหมดหรือแต่บางส่วนไปให้พ้นจากอำนาจศาล หรือจะโอนขายหรือจำหน่ายทรัพยสินดังกล่าวเพื่อประวิงหรือขัดขวางต่อการบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ซึ่งอาจจะออกบังคับเอาแก่ผู้คัดค้านหรือเพื่อจะทำให้ผู้ร้องเสียเปรียบ หากข้อเท็จจริงเป็นดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง ย่อมมีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีการคุ้มครองตามที่ขอนั้นมาใช้ได้ตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 255 (1) (ก) การที่ศาลชั้นต้นด่วนยกคำร้องของผู้ร้องโดยไม่ไต่สวนให้ได้ความจริงว่าเป็นเช่นไรก่อน จึงเป็นการไม่ชอบ ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น ส่วนฎีกาข้ออื่นของผู้ร้องไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่เป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำพิพากษา
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของผู้ร้องแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งใหม่