ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 199,277 บาท กับดอกเบี้ยแก่โจทก์ให้โจทก์ชำระเงินแก่จำเลย 180,600 บาทกับดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้โจทก์ใช้เงิน 275,210 บาทแก่จำเลยที่ 1 กับดอกเบี้ย โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยได้ทำสัญญาซื้อยางแอสฟัลท์ซีเมนต์ชนิด 85/100 และยางแอสฟัลท์เอ็มซี 1 จากโจทก์เพื่อใช้ในการก่อสร้างบูรณะถนนหลวงสายเพ-แกลง-กร่ำ ซึ่งจำเลยทำไว้กับกรมทางหลวง โดยโจทก์มีหน้าที่นำไปส่งให้แก่จำเลย ณ สถานที่ก่อสร้างทั้งนี้จำเลยจะต้องแจ้งให้โจทก์ทราบล่วงหน้าก่อนวันเริ่มใช้ยางแอสฟัลท์ครั้งแรกไม่น้อยกว่า 15 วัน รายละเอียดปรากฏตามหนังสือสัญญาซื้อขายที่ 136/2516ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2516 ตามเอกสารหมาย จ.1 และ ล.2 ต่อมาปรากฏว่ามีวิกฤติการณ์น้ำมันดิบขาดแคลน ราคายางแอสฟัลท์เปลี่ยนแปลงขึ้นราคาจากเดิม และโจทก์ได้ส่งยางแอสฟัลท์ให้แก่จำเลยโดยมีรายละเอียดวันนำส่งจำนวน และชนิดของยางแอสฟัลท์ที่ส่งให้ตามเอกสารหมาย จ.3
ที่โจทก์ฎีกาขึ้นมามีความสำคัญว่า การที่โจทก์ส่งมอบของให้จำเลย ล่าช้าเป็นเรื่องพ้นวิสัย มิใช่ความผิดของโจทก์ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดในความเสียหายนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ประเด็นในเรื่องดังกล่าวนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ไม่สามารถส่งมอบยางแอสฟัลท์ให้แก่จำเลยตามจำนวนที่สั่งซื้อภายในกำหนด ดังปรากฏในเอกสารหมาย จ.1 และ ล.2 ข้อ 5 ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มิได้ฎีกาในเรื่องนี้เพียงแต่ฎีกาว่าเป็นเรื่องพ้นวิสัยซึ่งโจทก์ไม่ต้องรับผิดชอบ ปรากฏว่าการที่ยางแอสฟัลท์ซึ่งเป็นผลผลิตพลอยได้จากน้ำมันดิบขาดแคลนเนื่องจากต่างประเทศขึ้นราคาน้ำมันดิบและมีผลกระทบกระเทือนไปถึงราคาวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ซึ่งพลอยขึ้นราคาตามไปด้วย การที่ต่างประเทศขึ้นราคาน้ำมันดิบจึงหาใช่เป็นการพ้นวิสัยของโจทก์ที่จะจัดส่งยางแอสฟัลท์ให้แก่จำเลยไม่ เพราะตามสัญญาที่ทำกันไว้ก็ปรากฏชัดว่าถ้าราคาเปลี่ยนแปลงจำเลยก็ยินยอมให้โจทก์เปลี่ยนแปลงราคาได้ซึ่งเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องจัดส่งยางแอสฟัลท์ให้ภายในกำหนดระยะเวลาตามที่ตกลงกัน กรณีที่โจทก์กล่าวอ้างหาใช่เป็นเรื่องการพ้นวิสัยแต่อย่างใดไม่เทียบได้กับคำพิพากษาฎีกาที่ 319/2492 ซึ่งวินิจฉัยว่า คำว่า "พ้นวิสัย"นั้นหมายถึงมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นซึ่งทำให้การปฏิบัติการชำระหนี้นั้นเป็นไปไม่ได้ ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
โจทก์ฎีกาต่อไปอีกว่า เครื่องจักรทำถนนทั้งหมดเป็นของจำเลยเอง หาได้เช่าจากผู้อื่นไม่ จำเลยจึงไม่เสียหายนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยนำสืบว่าได้เช่าเครื่องจักรการราดยาง บดและเกรดทำถนนจากผู้อื่นผลจากการที่โจทก์ไม่ส่งยางแอสฟัลท์ให้แก่จำเลยตามกำหนดจึงเป็นเหตุให้จำเลยต้องหยุดงานรอยางแอสฟัลท์ เครื่องมือและเครื่องใช้ในการสร้างทางซึ่งเช่ามาก็ต้องรอไว้ด้วย ในเรื่องดังกล่าวนี้ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้นำสืบหักล้างในประเด็นดังกล่าวนี้แต่อย่างใด จริงอยู่แม้ในสัญญารับเหมาซ่อมราดยางถนนที่จำเลยทำกับกรมทางหลวงจะมีข้อความปรากฏว่า จำเลยต้องมีเครื่องจักรและเครื่องมือเป็นของตนเองก็ตาม ก็ปรากฏจากการนำสืบของจำเลยว่าจำเลยประมูลสร้างทางได้ 2 สาย คือสายสุนทรภู่-สุนทรโวหาร กับสายเพ-แกลง-กร่ำ ที่พิพาทกันเป็นคดีนี้อีกสายหนึ่ง เครื่องมือเครื่องใช้ที่เป็นส่วนของจำเลยโดยแท้อาจถูกนำไปใช้ในการสร้างทางอีกสายหนึ่งก็ได้ เหตุดังกล่าวจำเลยจึงต้องเช่าเครื่องมือเครื่องใช้จากบุคคลอื่น ทั้งข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่า โจทก์ส่งยางแอสฟัลท์ให้ล่าช้าเกินกว่ากำหนดเกือบ 3 เดือน แต่จำเลยขอคิดค่าเสียหายเพียง 43 วันเท่านั้น ซึ่งก็นับว่าเป็นผลดีแก่โจทก์อยู่แล้ว"
พิพากษายืน