คดีนี้ได้ความว่าจำเลยที่ ๑ เป็นภรรยาจำเลยที่ ๒ ได้กู้เงินโจทก์ ๓๐๐๐ บาท โดยจำเลยที่ ๒ ไม่ได้อนุญาต ต่อมาภายหลังจำเลยที่ ๒ ได้เขียนหนังสือรับรองจะใช้เงิน ๑๐๐๐ บาทให้โจทก์
ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงิน ๓๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ รับผิดชอบใช้เพียง ๑๐๐๐ บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าปัญหาที่จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญากู้หรือไม่นั้นข้อความในสัญญากู้ได้ความชัด จำเลยจะนำสืบพะยานบุคคลหักล้างข้อความในสัญญาไม่ได้สำหรับจำเลยที่ ๒ มีคำนายมังกรแลหนังสือรับรองหนี้ จึงพิพากษายืนตามศาลแพ่ง
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาว่า ๑. หนังสือสัญญากู้เป็นโมฆะตามมาตรา ๑๑๘ จำเลยสืบพะยานลบล้างได้ ๒. และนำสืบลบล้างได้ด้วย ๓. จำเลยที่ ๒ ฎีกาคัดค้านว่าหนังสือสัญญากู้ เป็นโมฆะ หนังสือที่โจทก์อ้างไม่ได้มีถึงโจทก์จะว่าเป็นหนังสือที่โจทก์อ้างไม่ได้มีถึงโจทก์จะว่าเป็นหนังสือรับรองหนี้โจทก์ไม่ได้ และฟังคำนายมังกรกับหนังสือนั้นมาเป็นพะยานประกอบว่าเป็นการรับรองหนี้ไม่ได้ ๔. หนังสือกู้ลงชื่อจำเลยที่ ๑ ผู้เดียว จำเลยที่ ๒ ไม่ได้อนุญาตเป็นโมฆียะ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฎีกาข้อ ๑. จำเลยนำพะยานสืบได้ เพราะต่อสู้ว่าสัญญาเป็นโมฆะ ตามข้อ ๒. ไม่มีพะยานแสดงให้เห็นว่าหนังสือนี้โจทก์จำเลยทำเพื่อหลอกลวงคนที่ ๓ หนังสือสัญญากู้จึงไม่เป็นโมฆะ หนังสือหมายเลข ๑๖ ประกอบกับคำนายมังกรแลเอกสารอื่น ๆ ฟังได้ว่าจำเลยได้รับจะใช้หนี้รายนี้ ๑๐๐๐ บาท ตามข้อ ๔. สัญญามีชื่อจำเลยที่ ๑ ผู้เดียวส่วนจำเลยที่ ๒ รับจะใช้ ๑๐๐๐ บาท ศาลก็พิพากษาให้รับผิดเพียงนั้น
จึงพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงิน ๓๐๐๐ บาท แลดอกเบี้ยจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ แต่จำเลยที่ ๒ ได้รับจะใช้จำนวนนี้ด้วย