ได้ความว่า จำเลยใช้วาจาหลอกลวงประกอบด้วยเอาความเท็จมากล่าวแก่ผู้เสียหายว่า ได้เอาเงินให้จำเลยคนละ 10 บาท เพื่อนำไปให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ปล่อยตัวและต่อมาจำเลยเรียกเอาเงินจากผู้เสียหายอีกคนละ 60 บาท อ้างว่าจะนำไปให้เจ้าพนักงานอัยการเพื่อสั่งไม่ฟ้องผู้เสียหายหลงเชื่อจึงมอบเงิน 2 คราวรวมเงิน 450 บาท จำเลยทุจริตเอาเงินเป็นประโยชน์ส่วนตนเสีย และจำเลยแสดงตนเป็นคนสนิทชิดชอบกับอัยการ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 304, 123, 124 และขอให้จำเลยใช้เงินแก่เจ้าทรัพย์
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามฟ้อง และให้คืนทรัพย์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีฟังได้ว่า จำเลยได้กระทำผิดดังข้อหาดังที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมา แต่การที่เจ้าทรัพย์มอบเงินแก่จำเลยเพื่อให้สินบนเจ้าพนักงานนั้น อัยการจะฟ้องบังคับให้คืนไม่ได้