โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหกตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 3, 4, 166, 167, 168, 242, 246, 252 พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มาตรา 4, 203 (1) พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 9, 117, 118, 191, 196, 282, 284, 285, 290 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 4, 5, 6, 7, 8, 9 ริบของกลาง และจ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมตามกฎหมาย
จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยทั้งหกขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งหกมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 246 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มาตรา 203 (1) พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 117 วรรคหนึ่ง, 118, 191 วรรคหนึ่ง, 196 และจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง, 284 วรรคหนึ่ง, 290 (ที่ถูก มีความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 284 วรรคหนึ่ง, 290 พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2481 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง) จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง, 282 (ที่ถูก มีความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 282 พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2481 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง) จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง, 285, 290 (ที่ถูก มีความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 285, 290 พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2481 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งหกเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งน้ำมันดีเซลอันเป็นของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร จำคุกคนละ 2 ปี ฐานร่วมกันมีน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ (ที่ถูก ปรับคนละ) 2,576,000 บาท ฐานร่วมกันปลูกสร้างเสาไม้ค้อล่วงล้ำเข้าไปในทะเลภายในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันขนถ่ายน้ำมันดีเซลจากเรือขึ้นบกโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันใช้เรือที่มิได้รับใบอนุญาตใช้เรือ ปรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 คนละ 5,000 บาท ฐานทำการเป็นนายเรือโดยไม่ได้เก็บประกาศนียบัตรนายเรือไว้ในเรือ ปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 2,000 บาท ฐานทำการเป็นต้นกลและช่างเครื่องกลภายในเรือโดยมิได้รับประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถ จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 เดือน และฐานทำงานเป็นคนรับจ้างสำหรับทำการในเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 2,000 บาท จำเลยทั้งหกให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่ง ฐานร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งน้ำมันดีเซลอันเป็นของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร คงจำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันมีน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต คงปรับ (ที่ถูก คนละ) 1,288,000 บาท ฐานร่วมกันปลูกสร้างเสาไม้ค้อล่วงล้ำเข้าไปในทะเลภายในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต คงจำคุกคนละ 3 เดือน ฐานร่วมกันขนถ่ายน้ำมันดีเซลจากเรือขึ้นบกโดยไม่ได้รับอนุญาต คงจำคุกคนละ 3 เดือน ฐานร่วมกันใช้เรือที่มิได้รับใบอนุญาตใช้เรือ คงปรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 คนละ 2,500 บาท ฐานทำการเป็นนายเรือโดยไม่ได้เก็บประกาศนียบัตรนายเรือไว้ในเรือ คงปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 1,000 บาท ฐานทำการเป็นต้นกลและช่างเครื่องกลภายในเรือโดยมิได้รับประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถ คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 15 วัน และฐานทำงานเป็นคนรับจ้างสำหรับทำการในเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต คงปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 1,000 บาท รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน และปรับ 3,500 บาท จำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน 15 วัน และปรับ 2,500 บาท จำเลยที่ 3 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน และปรับ 3,500 บาท จำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 มีกำหนดคนละ 1 ปี 6 เดือน กับให้ปรับจำเลยทั้งหก (ที่ถูก ให้ปรับจำเลยทั้งหกคนละ) 1,288,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก (ที่ถูก ไม่ต้องระบุ) ให้จ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมผู้ทำผิดร้อยละยี่สิบของราคาของกลางหรือค่าปรับตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 8 วรรคสอง
จำเลยทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยทั้งหกฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อมวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งหกฎีกาในทำนองว่า จำเลยทั้งหกมิได้มีเจตนากระทำความผิดนั้น ขัดกับที่จำเลยทั้งหกให้การรับสารภาพจึงเป็นฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง และ 252 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย สำหรับความผิดฐานทำการเป็นนายเรือโดยไม่ได้เก็บประกาศนียบัตรนายเรือไว้ในเรือของจำเลยที่ 1 และฐานทำงานเป็นคนรับจ้างสำหรับทำการในเรือโดยไม่ได้รับอนุญาตของจำเลยที่ 3 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 3 เนื่องจากต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งหกมีว่า มีเหตุสมควรลงโทษจำเลยทั้งหกในสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งหกหรือไม่ เห็นว่า พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งหกที่ร่วมกันใช้เรือประมงที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้เรือและดัดแปลงเรือสำหรับไว้บรรจุน้ำมันไปขนถ่ายน้ำมันจากเรือบรรทุกน้ำมันที่ลอยลำอยู่ในทะเล แล้วนำมาขนถ่ายใส่รถบรรทุกที่ชายฝั่ง โดยมีการปักเสาไม้ค้อไว้ในทะเลใกล้กับชายฝั่งสำหรับจอดเรือ แล้ววางท่อมาที่ชายฝั่งเพื่อขนถ่ายน้ำมันจากเรือใส่รถบรรทุก โดยเจ้าพนักงานสามารถยึดน้ำมันดีเซลของกลางได้จำนวนมากถึง 100,000 ลิตร ลักษณะของการกระทำดังกล่าวจึงมีลักษณะกระทำกันเป็นขบวนการลักลอบขนส่งน้ำมันรายใหญ่ ถือเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยทั้งหกจะไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ก็ยังไม่มีเหตุสมควรลงโทษจำเลยทั้งหกให้เบาลง หรือรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งหก ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยทั้งหกและไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งหกมานั้นเหมาะสมแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งหกฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คดีนี้ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งหกฐานร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งน้ำมันดีเซลอันเป็นของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการทางศุลกากร ฐานร่วมกันมีน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นสินค้าที่ยังมิได้เสียภาษีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันปลูกสร้างเสาไม้ค้อล่วงล้ำเข้าไปในทะเลในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันขนถ่ายน้ำมันดีเซลจากเรือขึ้นบกโดยไม่ได้รับอนุญาต ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฐานร่วมกันใช้เรือที่มิได้รับใบอนุญาตใช้เรือ ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานทำการเป็นนายเรือโดยไม่เก็บประกาศนียบัตรนายเรือไว้ในเรือ ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานทำการเป็นต้นกลและช่างเครื่องกลภายในเรือโดยมิได้รับประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถ และลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานทำงานเป็นคนรับจ้างสำหรับทำการในเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต ของกลางบางส่วนที่ศาลล่างทั้งสองมีคำพิพากษาให้ริบได้แก่ สมุดเติมน้ำมัน 2 เล่ม สมุดบัญชี 2 เล่ม ใบกำกับการขนส่งน้ำมัน 2 ฉบับ ใบปล่อยเรือ 1 ฉบับ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย 1 ฉบับ บิลทั่วไป 1 ฉบับ สมุดบันทึก 3 เล่ม ตะกั่วหัวปั๊ม 1 ถุง สมุดบันทึกรายการที่มาที่ไปของน้ำมันปี 2561 ถึง 2562 จำนวน 1 เล่ม บิลเงินสด 1 เล่ม สมุดฉีกแบบมีเส้น 3 เล่ม สมุดบันทึกเบอร์โทรศัพท์ 1 เล่ม วัตถุเก็บข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ (แฟลชไดรฟ์) 3 อัน เอกสารเกี่ยวกับเรือ 1 ซอง เอกสารกรมเจ้าท่า 1 ฉบับ รายการจดทะเบียน 1 ฉบับ สำเนาใบประกอบกิจการ 1 ฉบับ ใบกำกับการขนส่ง 1 ฉบับ สำเนาตารางกรมธรรม์ประกันภัย 1 ฉบับ บัตรผ่านเข้าคลังน้ำมันเชฟรอน 1 ฉบับ สำเนาใบอนุญาตขนส่งไม่ประจำทาง 1 ฉบับ ใบส่งของ 4 ฉบับ ใบกำกับการขนส่งน้ำมัน 2 ฉบับ ซีลหัวจ่าย 10 อัน คีมสำหรับซีลลวด 1 ชุด และกิ๊บซีลวาล์วน้ำมัน 1 ถุง มิใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด จึงไม่อาจริบของกลางดังกล่าวได้ ต้องคืนแก่เจ้าของตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 49 ประกอบมาตรา 186 (9) ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และที่ศาลล่างทั้งสองให้จ่ายเงินรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมผู้กระทำผิดร้อยละยี่สิบของราคาของกลางหรือค่าปรับตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 8 วรรคสอง นั้น ยังไม่ชัดแจ้ง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข
พิพากษายืน แต่ไม่ริบ สมุดเติมน้ำมัน 2 เล่ม สมุดบัญชี 2 เล่ม ใบกำกับการขนส่งน้ำมัน 2 ฉบับ ใบปล่อยเรือ 1 ฉบับ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย 1 ฉบับ บิลทั่วไป 1 ฉบับ สมุดบันทึก 3 เล่ม ตะกั่วหัวปั๊ม 1 ถุง สมุดบันทึกรายการที่มาที่ไปของน้ำมันปี 2561 ถึง 2562 จำนวน 1 เล่ม บิลเงินสด 1 เล่ม สมุดฉีกแบบมีเส้น 3 เล่ม สมุดบันทึกเบอร์โทรศัพท์ 1 เล่ม วัตถุเก็บข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ (แฟลชไดรฟ์) 3 อัน เอกสารเกี่ยวกับเรือ 1 ซอง เอกสารกรมเจ้าท่า 1 ฉบับ รายการจดทะเบียน 1 ฉบับ สำเนาใบประกอบกิจการ 1 ฉบับ ใบกำกับการขนส่ง 1 ฉบับ สำเนาตารางกรมธรรม์ประกันภัย 1 ฉบับ บัตรผ่านเข้าคลังน้ำมันเชฟรอน 1 ฉบับ สำเนาใบอนุญาตขนส่งไม่ประจำทาง 1 ฉบับ ใบส่งของ 4 ฉบับ ใบกำกับการขนส่งน้ำมัน 2 ฉบับ ซีลหัวจ่าย 10 อัน คีมสำหรับซีลลวด 1 ชุด และกิ๊บซีลวาล์วน้ำมัน 1 ถุง ให้คืนของกลางดังกล่าวแก่เจ้าของ และให้จ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมร้อยละยี่สิบของราคาของกลางที่ศาลสั่งริบตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 7, 8 วรรคสอง