โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม 2534 เวลากลางวันถึงวันที่ 21 ธันวาคม 2534 เวลากลางคืนหลังเที่ยงต่อเนื่องกันจำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเรานางสมควร ตรีธันวา ผู้เสียหายซึ่งมิใช่ภริยาของจำเลย โดยใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธจี้ขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อร่างกายผู้เสียหาย และฉุดบังคับให้ผู้เสียหายไปกับจำเลยแล้วกดให้ผู้เสียหายนอนลงกับพื้นดิน จนผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่หลายครั้ง ทั้งจำเลยได้เตะและชกต่อยผู้เสียหายที่บริเวณใบหน้าและใต้คาง จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย เหตุเกิดที่ตำบลโนนทอง อำเภอแวงใหญ่ และตำบลท่านางแนวอำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 91, 276, 295, 309, 310
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางสมควร ตรีธันวา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต เมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาโดยสืบพยานโจทก์คือตัวโจทก์ร่วมยังไม่ทันจบคำถามค้านของทนายจำเลยจำเลยขอแก้ไขคำให้การเดิม เป็นยอมรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 และ 309 ส่วนโจทก์ร่วมขอถอนคำร้องทุกข์ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 309, 310 และไม่ติดใจเอาความกับจำเลยในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 และ 310 เป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อผู้เสียหายคือตัวโจทก์ร่วมถอนคำร้องทุกข์สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ลงโทษจำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพและได้บรรเทาผลร้ายโดยชดใช้ค่าเสียหาย เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน สำหรับข้อหาความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง นั้นแม้โจทก์จะขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ในคำขอท้ายฟ้องแต่โจทก์ก็มิได้บรรยายในคำฟ้องถึงลักษณะการกระทำของจำเลยว่าจำเลยกระทำการใดอันเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด จึงไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้ยกฟ้องข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง อีกกระทงหนึ่ง จำคุก6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในชั้นนี้คงมีปัญหาวินิจฉัยเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 ซึ่งจำเลยฎีกาว่าโจทก์บรรยายฟ้องไม่ครบองค์ประกอบความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 นั้น เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายไว้แล้วว่าจำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธจี้ขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อร่างกายผู้เสียหายและฉุดบังคับผู้เสียหายไปกับจำเลย แล้วบังคับจับกดให้ผู้เสียหายนอนลงกับพื้นดิน โดยผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่่า จำเลยข่มขืนใจผู้เสียหายให้ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้ผู้เสียหายกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของผู้เสียหายจนผู้เสียหายต้องจำยอมต่อสิ่งนั้น ฟ้องโจทก์จึงได้บรรยายการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ตลอดจนข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้วฟ้องโจทก์จึงครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309
พิพากษายืน