คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ประทับรับฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
ศาลชั้นต้นหมายเรียกจำเลยมาศาล และให้ให้การแก้ข้อหาแล้วนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 23 กรกฎาคม 2507 เวลา 8.30 น.
ถึงกำหนดนัด จำเลยยื่นคำให้การ ศาลสอบคำให้การจำเลยแล้วจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าออกนั่งพิจารณาคดีนี้เวลา 9.10 น. นัดสืบพยานโจทก์วันนี้ โจทก์และทนายโจทก์ไม่มาศาล คงมาแต่จำเลย ศาลเห็นว่าโจทก์ทราบนัดแล้วไม่มาตามกำหนด จึงถือว่าขาดนัดพิจารณาให้ยกฟ้องโจทก์เสีย ต่อมาเวลา 9.55 น. โจทก์ยื่นคำร้องว่าเดินทางจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยขบวนรถไฟกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี อันเป็นรถขบวนแรกที่จะมาจังหวัดสระบุรี ถึงจังหวัดสระบุรีเวลา 9.00 น. และถึงศาลเวลา 9.12 น. โจทก์มิได้จงใจขาดนัด ขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ศาลชั้นต้นส่งสำเนาคำร้องให้จำเลย จำเลยคัดค้าน แล้วศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์มาช้ากว่าเวลากำหนดนัดของศาลเพียงเล็กน้อยเนื่องจากรถไฟถึงจังหวัดสระบุรีช้า ข้ออ้างของโจทก์มีเหตุอันสมควร พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาคดีตามกฎหมายต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลนัดพิจารณาเวลา 8.30 น. ครั้นถึงวันนัด ศาลออกนั่งพิจารณาและสั่งขาดนัด ให้ยกฟ้องโจทก์เมื่อเวลา 9.10 น. โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ในวันนั้นเอง เวลา 9.45 น. คือช้ากว่าเวลาที่ศาลออกนั่ง 45 นาที แสดงว่าโจทก์ทนายโจทก์ และพยานมาถึงศาลช้าไปเพียงเล็กน้อย โจทก์ยังต้องใช้เวลาเขียนคำร้องในช่วงระยะเวลา 45 นาทีนั้นด้วยโจทก์และทนายโจทก์อยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดินทางมาโดยรถไฟเวลาอาจคลาดเคลื่อนได้ คดียังฟังไม่ได้ว่าโจทก์มาศาลไม่ทันตามกำหนดนัดโดยไม่มีเหตุสมควร จึงไม่ควรด่วนยกฟ้องเพราะเหตุนี้ แล้วพิพากษายืน