โจทก์ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 1,174,228.06 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,159,531 บาท
นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภค
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
โดยศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า
ข้อเท็จจริงในชั้นฎีการับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2556 โจทก์ทำสัญญาว่าจ้างจำเลยให้ทำความสะอาดอาคาร 17 และพื้นที่บริเวณรอบ ๆ อาคาร ถนน ลานจอดรถ รวมทั้งที่ทำการของคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย ศ. ตกลงจ่ายค่าจ้างเป็นงวด
งวดละ 1
เดือน รวม 12
เดือน เดือนละ 143,850
บาท นับตั้งแต่วันที่ 1
ตุลาคม 2556
ถึงวันที่ 30
กันยายน 2557 แต่ก่อนฟ้องคดีนี้
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557 จำเลย (ในคดีนี้) เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ (ในคดีนี้)
เป็นจำเลยอ้างว่าผิดสัญญาจ้างทำความสะอาดอาคาร
ขอให้ชำระค่าจ้างที่ค้างชำระ ซึ่งศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าว เห็นว่า จำเลย (โจทก์ในคดีนี้) ขาดนัดยื่นคำให้การ
และฟังว่าจำเลย (โจทก์ในคดีนี้)
เป็นฝ่ายผิดสัญญาแล้วพิพากษาให้ชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์ (จำเลยในคดีนี้)
ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ผบ.293/2557 หมายเลขแดงที่ ผบ. 1125/2558 ของศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคก็วินิจฉัยว่าจำเลย (โจทก์ในคดีนี้) เป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่นกัน
คดีอยู่ระหว่างจำเลย (โจทก์คดีนี้)
รอศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้ฎีกาตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551
ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยอ้างว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา
ขอให้จำเลยชำระค่าเสียหายค่าปรับพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ฎีกาว่า
ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ผบ. 1125/2558 ของศาลชั้นต้นหรือไม่
เห็นว่า คดีก่อน คือ คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1125/2558 ของศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาอนุญาตให้จำเลย (โจทก์ในคดีนี้) ฎีกา และต่อมาปรากฏจากสารบบความของศาลฎีกาว่า
ในคดีก่อนศาลฎีกามีคำพิพากษาตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2824/2562
ให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้รับคำให้การจำเลย (โจทก์ในคดีนี้)
และให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ต่อไป
ดังนี้ คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีดังกล่าวย่อมมีผลให้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคในคดีก่อนสิ้นผลไป
เท่ากับว่าศาลชั้นต้นในคดีก่อนยังมิได้มีคำวินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาทมาก่อน
คำฟ้องในคดีนี้จึงยังไม่มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีที่จะให้ศาลวินิจฉัยว่าเป็นกระบวนพิจารณาซ้ำได้
กรณีจึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 144
ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค
พ.ศ.2551
มาตรา 7 ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง
ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาคดีนี้ต่อไป
ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามชั้นศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาในคดีนี้แล้ว