โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์โดยใบอนุญาตขาดอายุ และมีไม้ฟืนซึ่งเป็นของป่าหวงห้ามเกินปริมาณที่กฎหมายอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๘ มาตรา ๒๙ ทวิ, ๗๑ ทวิ,๗๔, ๗๔ ทวิ, ๗๔ จัตวา ฯลฯ พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๕ และริบไม้ฟืนกับรถยนต์ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง และริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้คืนรถยนต์ของกลาง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำผิดต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๗๔ ทวิ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลมิได้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๑๑ มาตรา ๔๘ มาตรา ๕๔ หรือมาตรา ๖๙ แต่ศาลลงโทษจำเลยฐานมีไม้ฟืนอันเป็นของป่าหวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามมาตรา ๒๙ ทวิ ดังนั้นศาลจะสั่งให้ริบรถยนต์ของกลางตาม มาตรา ๗๔ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ ไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ริบรถยนต์ของกลางตามบทกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นการมิชอบ อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติป่าไม้นี้แม้จะมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการริบทรัพย์ไว้เป็นพิเศษ แต่ก็ไม่มีข้อความใดบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น อันจะแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการให้นำบทบัญญัติในภาค ๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ ศาลจึงนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ มาใช้บังคับในการที่จะริบรถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๗ แห่งประมวลกฎหมายอาญา แต่การที่จะริบรถยนต์ของกลางตามมาตรา ๓๓ แห่งประมวลกฎหมายอาญานั้นเป็นเรื่องอยู่ในดุลพินิจของศาลสำหรับคดีนี้ข้อเท็จจริงตามฟ้องปรากฏว่า จำเลยใช้รถยนต์ของกลางบรรทุกไม้ฟืนอันเป้นของป่าหวงห้ามปริมาตร ๑.๒๖ ลูกบาศก์เมตร เกินกว่าปริมาณที่กฎหมายอนุญาตให้มีไว้ในครอบครอบเพียงเล็กน้อย จึงเห็นว่าไม่ควรริบรถยนต์ของกลาง
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบรถยนต์ของกลาง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์