โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้บังอาจสมคบกันเล่นการพนันสลากกินรวบ พนันเอาทรัพย์สินกันโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน โดยจำเลยเป็นลูกค้าซื้อสลากกินรวบจากเจ้ามือผู้ขายที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง เจ้าพนักงานจับจำเลยได้โดยมีผู้นำจับ ขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม พระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4, 10, 12 พระราชบัญญัติ การพนัน ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2485มาตรา 4 ปรับ 400 บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางริบ และให้จำเลยใช้ค่าสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของเงินค่าปรับตาม พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงในในฟ้อง จะลงโทษจำเลยไม่ได้
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า "จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้บังอาจสมคบกันเล่นการพนันสลากกินรวบพนันเอาทรัพย์สินกันโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน โดยจำเลยเป็นลูกค้าซื้อสลากกินรวบจากเจ้ามือผู้ขายที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง..."โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าเป็นการพนันชนิดแทงเลขท้าย 3 ตัวหรือชนิดเลขลอยตัวเดียวโดยเฉพาะ ฉะนั้นการที่จำเลยเล่นการพนันโดยแทงสลากกินรวบชนิดเลขลอยตัวเดียว ก็ฟังได้ว่าจำเลยเล่นการพนันชนิดสลากกินรวบอยู่นั่นเอง หาได้มีหลักเกณฑ์ว่าการเล่นการพนันสลากกินรวบจะต้องแทงเลขท้าย 3 ตัว หรือ 2 ตัว หรือตัวเดียวของรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลแต่ประการเดียวไม่ ทั้งนี้ย่อมแล้วแต่เจ้ามือและลูกค้าจะตกลงเล่นการพนันโดยแทงสลากกินรวบกันตามความพอใจ นอกจากนั้น พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2485 มาตรา 4 ทวิวรรค 2 บัญญัติว่า คำว่า "การเล่น" ในวรรคก่อนหมายความรวมตลอดถึงการทายและการทำนายด้วย" ทั้งตามบัญชี ข. ท้าย พระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 อันดับ 16 ก็กำหนดว่าการเล่นการพนัน "สลากกินแบ่งสลากกินรวบ, หรือการเล่นอย่างใดที่เสี่ยงโชคให้เงินหรือประโยชน์อย่างอื่นแก่ผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง" เป็นความผิดเช่นกัน ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยจะเล่นการพนันสลากกินรวบโดยวิธีใดก็ย่อมเป็นความผิดข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้องดังจำเลยฎีกา
พิพากษายืน