โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของอาคารและเป็นผู้ดำเนินการได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรม คือ จำเลยได้ก่อสร้างอาคารไม่ตรงตามแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต ต่อมาเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มีคำสั่งให้แก้ไข และให้จำเลยระงับการก่อสร้าง จำเลยทราบแล้วแต่ได้ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ดำเนินการแก้ไขและยังคงก่อสร้างต่อไปจนเสร็จ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานก่อสร้างอาคารผิดไปจากแผนผังบริเวณและแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๓๑, ๖๕ วรรคแรก, ๖๙, ๗๐ กระทงหนึ่ง ให้ลงโทษตามมาตรา ๓๑, ๖๕ วรรคแรก,๖๙, ๗๐ จำคุก ๖ เดือน และปรับ ๒๐,๐๐๐ บาท และปรับตามมาตรา ๖๕ วรรคสอง, ๖๙, ๗๐ วันละ ๑๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ก่อสร้างผิดแบบแปลนคือวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ ถึงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๒๓ และมีความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการก่อสร้างตามมาตรา ๔๐ วรรคแรก, ๖๗, ๖๙, ๗๐ อีกกระทงหนึ่งให้ปรับจำเลยวันละ ๑๐,๐๐๐๐ บาท นับแต่วันที่จำเลยได้รับทราบหนังสือที่ให้ระงับการก่อสร้างวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๒๓ ถึงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๒๓ โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาเป็นประการแรกว่า ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๑ นั้น จะต้องมีการก่อสร้างดัดแปลง รื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายอาคารให้ผิดไปจากทั้งแผนผัง แบบแปลน และรายการประกอบแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตตลอดจนวิธีการหรือเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดไว้ในใบอนุญาต ถ้าผิดไปแต่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งจะถือว่ากระทำผิดตามมาตรา ๓๑ หาได้ไม่นั้น เห็นว่า มาตรา ๓๑ บัญญัติไว้ว่าห้ามผู้ใดจัดให้มีการก่อสร้างดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารให้ผิดไปจากแผนผังบริเวณ แบบแปลนและรายการประกอบแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตตลอดจนวิธีการหรือเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดไว้ในใบอนุญาติ" จากบทบัญญัติดังกล่าวนี้ย่อมหมายความว่าผู้ใดก็ตามที่จัดให้มีการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารให้ผิดไปจากแผนผังบริเวณก็ดี ผิดไปจากแบบแปลนก็ดี ผิดไปจากรายการประกอบแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตก็ดี ผิดไปจากวิธีการหรือเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดไว้ในใบอนุญาตก็ดี การกระทำผิดไปเพียงอย่างหนึ่งอย่างใดดังกล่าวย่อมเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๓๑ ด้วยกันทั้งสิ้น กรณีหาจำต้องเป็นการกระทำผิดไปทั้งจากแผนผัง แบบแปลน รายการประกอบแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตตลอดจนวิธีการหรือเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดไว้ในใบอนุญาตพร้อมกันทั้งหมดจึงจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๓๑ ไม่
ที่จำเลยฎีกาเกี่ยวกับเรื่องที่ศาลอุทธรณ์คำนวณวันที่จำเลยกระทำผิดไม่ถูกต้องนั้น กรณีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยว่าจำเลยเริ่มก่อสร้างผิดแบบแปลนตั้งแต่วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ และจำเลยเริ่มฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๒๓ เป็นต้นมา จนกระทั่งวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔ ที่พนักงานสอบสวนไปตรวจสถานที่ก่อสร้าง จำเลยก็ยังทำการก่อสร้างชั้นดาดฟ้าอยู่ยังหาแล้วเสร็จสมบูรณ์ไม่เมื่อโจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดในระหว่างวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๒๒ ถึงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๒๓ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยยืนตามศาลชั้นต้นว่าจำเลยก่อสร้างผิดแบบแปลนตั้งแต่วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ ถึงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๒๓ เท่าที่โจทก์ฟ้องและจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๒๓ ถึงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๒๓ เช่นเดียวกันนั้นชอบแล้ว จำเลยจะขอให้นับระยะเวลาถึงเพียงวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๒๓ ซึ่งการก่อสร้างของจำเลยยังไม่แล้วเสร็จดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้หาได้ไม่
ที่จำเลยฎีกาต่อไปว่าพระราชบัญญัติควบคุมอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มิได้มีบทกำหนดโทษไว้สำหรับกรณีก่อสร้างอาคารพาณิชย์และพักอาศัยผิดแผนผังแบบแปลน และขัดคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นดังกล่าวไว้จะนำพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๐ มาใช้บังคับกรณีอาคารพาณิชย์และพักอาศัยไม่ได้ตามบทบัญญัติมาตรา ๒ และมาตรา ๑๗ ของประมวลกฎหมายอาญานั้นในปัญหาดังกล่าวนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าอาคารที่จำเลยก่อสร้างเป็นอาคารเพื่อพาณิชยกรรม ถึงแม้ตามใบอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารเอกสารหมาย จ.๕ จะระบุว่าเพื่อใช้พาณิชย์พักอาศัยก็ตาม ศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา ๗๐ บัญญัติว่าถ้าการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการกระทำอันเกียวกับอาคารเพื่อพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม การศึกษา หรือการสาธารณสุข หรือ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๒ ปี หรือปรับเป็น ๑๐ เท่า ของโทษที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้น ถึงหากอาคารที่จำเลยก่อสร้างจะใช้เพื่ออยู่อาศัยด้วยดังที่จำเลยอ้าง ก็มิได้หมายความว่าอาคารดังกล่าวมิได้ใช้เพื่อพาณิชยกรรมตามมาตรา ๗๐ นี้แต่อย่างใด กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒ และมาตรา ๑๗ ดังที่จำเลยฎีกาที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา ๗๐ ชอบแล้ว และเมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรานี้คดีโจทก์จึงมิได้ขาดอายุความดังที่จำเลยฎีกา ฎีกาจำเลยในปัญหาอื่นนอกจากนี้ไม่เป็นสาระแก่คดี ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่จำเลยก่อสร้างอาคารผิดไปจากแผนผังบริเวณและแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นระหว่างวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ ถึงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๒๓ อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๑ กับฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการก่อสร้าง คงดำเนินการก่อสร้างต่อไปตั้งแต่วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๒๓ ถึงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๒๓ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๔๐ วรรคแรกนั้นเห็นว่า จำเลยก่อสร้างอาคารผิดไปจากแผนผังบริเวณและแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นเป็นการกระทำความผิดไปกรรมหนึ่งแล้ว เมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้ระงับการก่อสร้าง จำเลยก็ยังคงก่อสร้างต่อไปอีก เป็นการกระทำอีกกรรมหนึ่งต่างไปจากกรรมแรก แม้ระยะเวลากระทำความผิดทั้งสองกรรมจะซ้อนกันในช่วงหลังก็ตาม ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำอันเป็นความผิดสองกรรม ในปัญหาว่าจะปรับจำเลยตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนมาตรา ๓๑และมาตรา ๔๐ วรรคแรก กระทงละเท่าใด สำหรับความผิดกระทงแรกนั้นนอกจากจะต้องลงโทษตามมาตรา ๖๕ วรรคแรกแล้ว วรรคสองของบทมาตราดังกล่าวยังบัญญัติให้ปรับอีกวันละ ๕๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนมาตรา ๓๑ คือตลอดเวลาที่ยังก่อสร้างอาคารผิดไปจากแผนผังบริเวณและแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ส่วนความผิดกระทงหลังนั้นมาตรา ๖๗ บัญญัติให้ปรับวันละ ๕๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนมาตรา ๔๐ วรรคแรก คือตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการก่อสร้างอาคาร ปรากฏว่าอาคารที่จำเลยก่อสร้างเป็นอาคารเพื่อพาณิชยกรรม มาตรา ๗๐ ระวางโทษผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ที่เกี่ยวกับอาคารเพื่อพาณิชยกรรมไว้ว่า จำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับเป็นสิบเท่าของโทษที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ หรือทั้งจำทั้งปรับดังนั้นถ้าศาลจะเลือกลงโทษปรับสถานเดียว แต่ละกระทงจะต้องปรับวันละ ๕,๐๐๐ บาท ปรากฏอีกว่าอาคารที่จำเลยก่อสร้างเป็นของจำเลยเองถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้ดำเนินการตามความหมายของมาตรา ๔ ซึ่งมาตรา ๖๙ บัญญัติว่า ถ้าการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นการกระทำของผู้ดำเนินการผู้กระทำต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าจะต้องปรับจำเลยวันละ ๑๐,๐๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนมาตรา ๓๑ สำหรับความผิดกระทงแรก และปรับอีกวันละ๑๐,๐๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนมาตรา ๔๐ วรรคแรก สำหรับความผิดกระทงหลังที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทและวางโทษจำเลยมานั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน