โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 352 ให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้เงิน 1,882,171 บาท แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก, 83 (ที่ถูกประกอบมาตรา 83) จำคุกคนละ 3 ปี ให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้เงิน 1,882,171 บาท แก่โจทก์ ให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ (ที่ถูกให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์) โดยกำหนดค่าทนายความให้ 3,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 2 แถลงต่อศาลว่า จำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2556 ตามใบมรณบัตรท้ายรายงานกระบวนพิจารณา นายจำนงค์ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์รับว่าเป็นความจริง
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีมาฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (1) จึงให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 เสียจากสารบบความ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาของโจทก์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้เป็นนิติบุคคลแต่โจทก์คือกลุ่มของบุคคลซึ่งมีฐานะเป็นบุคคลธรรมดา สมาชิกและกรรมการของโจทก์ได้มอบอำนาจให้นายจำนงค์ ดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสอง แม้โจทก์ระบุชื่อว่ากลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านน้อยหนองบอน ก็คือคนหลายคนร่วมกัน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง เห็นว่า ผู้เป็นคู่ความในคดีต้องเป็นบุคคลซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28 บัญญัติให้บุคคลที่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาลได้แก่ (1) พนักงานอัยการ (2) ผู้เสียหาย และคำว่าบุคคลนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้แก่บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล แต่ตามฟ้องของโจทก์ โจทก์มีวัตถุประสงค์เก็บรวบรวมเงินจากสมาชิก และให้สมาชิกกู้ยืมจากกลุ่มออมทรัพย์ จึงมีลักษณะเป็นสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญ เมื่อมิได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1015 โจทก์จึงไม่เป็นนิติบุคคลและตามคำฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่าคณะกรรมการและสมาชิกโจทก์มีมติให้ดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองนั้น ก็ไม่ปรากฏว่า บุคคลดังกล่าวฟ้องคดีในฐานะส่วนตัว โจทก์จึงมิใช่บุคคลธรรมดาเช่นกัน โจทก์จึงไม่อาจเป็นคู่ความในคดีได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องทั้งในคดีส่วนอาญา และคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ที่ศาลอุทธรณ์ภาคา 3 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน