กรณีเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งว่าอุทธรณ์โจทก์มีข้อความเสียดสีดูหมิ่นศาล เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นการละเมิดอำนาจศาลให้จำคุกโจทก์ ๑ เดือน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุก ๑ เดือนและปรับ ๕๐๐ บาท รอการลงโทษไว้ ๒ ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำที่เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑ (๑) นั้น ได้แก่การขัดขืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาลตามมาตรา ๓๐ อันว่าด้วยการรักษาความเรียบร้อยประการหนึ่ง กับการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอีกประการหนึ่ง เฉพาะการรักษาความเรียบร้อยในบริเวณศาลเท่านั้นที่ศาลจะต้องออกข้อกำหนดตามมาตรา ๓๐ ส่วนการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลหาได้บัญญัติให้ศาลจำต้องออกข้อกำหนดแต่อย่างใดไม่ เมื่อผู้ถูกกล่าวหาประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลศาลย่อมมีอำนาจสั่งลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลได้ทันที เกี่ยวกับคดีนี้ถ้าอุทธรณ์ของโจทก์ซึ่งโจทก์นำมายื่นต่อศาลมีข้อความเป็นการดูหมิ่นเสียดสีศาลอันถือได้ว่าประพฤติตนไม่เรียบร้อยอย่างหนึ่งในบริเวณศาล ศาลย่อมมีอำนาจสั่งลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลได้ทันทีโดยมิพักต้องสั่งให้แก้ไขเสียก่อน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘ ดังที่โจทก์กล่าวอ้างแม้ภายหลังศาลได้มีคำสั่งให้โจทก์แก้ไข มิฉะนั้นจะไม่รับอุทธรณ์โจทก์จึงทำอุทธรณ์ฉบับใหม่มายื่นต่อศาล ก็เพียงแสดงว่าโจทก์รู้สึกความผิดและพยายามบรรเทาผลร้าย หาใช่การกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลยังไม่เกิดขึ้นไม่
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ข้อความในฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ไม่เป็นการดูหมิ่นเสียดสีศาลนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อความในฟ้องอุทธรณ์ที่กล่าวว่า "...การที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยมาหลายครั้งศาลก็ไม่มีอำนาจอิสระตามรัฐธรรมนูญต้องหอบสำนวนไปปรึกษาจำเลยซึ่งไม่ถูกต้อง ฯลฯ" นั้น เป็นการกล่าวหาว่าศาลกระทำการไม่เป็นธรรมเข้าข้างฝ่ายจำเลย การที่โจทก์ยกมากล่าวไว้ในอุทธรณ์โดยไม่จำเป็นจึงเป็นการแสดงว่าโจทก์กล่าวไว้โดยเจตนาดูหมิ่นเสียดสีศาล เมื่อเอามายื่นต่อศาลจึงเป็นการกระทำละเมิดอำนาจศาลตามมาตรา ๓๑ (๑) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พิพากษายืน.