ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยมอบและโอนทะเบียนรถยนต์แก่โจทก์ หากไม่โอนให้จำเลยใช้เงิน 78,500 บาท กับดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ให้โจทก์ใช้เงิน 10,500 บาท กับดอกเบี้ยแก่จำเลย โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ปัญหาว่า ฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าซื้อและจะต้องรับผิดต่อกันหรือไม่เพียงใด เห็นว่าในเบื้องแรกคู่ความนำสืบรับกันว่าสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.2 เขียนไว้ว่า ผู้เช่าซื้อยินยอมชำระเงินให้แก่ผู้เช่าซื้อในวันทำสัญญานี้เป็นเงิน 45,000 บาท จำเลยได้นำสืบต่อไปว่าในวันทำสัญญานั้นโจทก์จ่ายเงินให้เพียง 25,000 บาท ไม่ครบตามยอดเงินที่เขียนไว้ในสัญญา แต่ได้ขอผัดชำระในเดือนถัดไปคือเดือนกุมภาพันธ์ 2519 ครั้งถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2519จำเลยจึงได้รับเงินครบตามจำนวนที่ค้าง โดยได้บันทึกข้อความหลังเอกสารสัญญาเช่าซื้อหมาย จ.2 ว่า วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2519 ได้มาเอาเงินอีก 20,000 บาทแล้วลงชื่อจำเลยทั้งสองเป็นผู้รับเงิน และลงชื่อโจทก์กับสามีโจทก์เป็นผู้จ่ายเงินการนำสืบของจำเลยดังกล่าวเป็นการนำสืบอธิบายข้อความในเอกสารหมาย จ.2มิใช่เป็นการนำสืบพยานบุคคลอันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข) แต่การนำสืบของจำเลยดังกล่าวแม้จะมีสิทธิสืบได้ แต่ก็มีข้อพิรุธ" ฯลฯ
"ถือไม่ได้ว่าโจทก์ผิดนัดไม่ชำระเงินค่างวด จำเลยยังไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา ส่วนข้ออ้างของจำเลยที่ว่าโจทก์ฝ่าฝืนสัญญาข้อ 5 เพราะสัญญากำหนดว่าในระหว่างที่ผู้เช่าซื้อยังชำระไม่เสร็จสิ้นนั้น ผู้เช่าซื้อสัญญาว่าจะใช้ทรัพย์ที่เช่าซื้อนี้ในเขตอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ถ้าจะเอาออกนอกเขตต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ให้เช่าซื้อก่อน ถ้าผู้เช่าซื้อละเมิดสัญญาข้อนี้ ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเลิกสัญญาเช่าซื้อ ยึดทรัพย์สินที่เช่าคืนความข้อนี้เห็นว่าในเรื่องเช่าซื้อมีบทบัญญัติไว้เป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 574 ว่า ต้องผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญ แต่ข้อเท็จจริงจากการนำสืบของทั้งสองฝ่ายได้ความว่า ก่อนมอบรถยนต์ให้โจทก์ไป จำเลยเองก็ใช้รถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถแท็กซี่แล่นรับส่งผู้โดยสารระหว่างอำเภอด่านขุนทด อำเภอเมืองนครราชสีมา ครั้นให้โจทก์เช่าซื้อไปโจทก์ก็ใช้เป็นรถแท็กซี่ในเส้นทางดังกล่าวตลอดมา จำเลยทราบดีอยู่แล้วถึงเรื่องนี้ และมิได้ทักท้วงซึ่งคงเห็นว่าไม่ใช่เป็นข้อสำคัญนั่นเอง ดังนั้นจึงไม่อาจถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าซื้อในข้อนี้"
พิพากษากลับ บังคับตามศาลชั้นต้น