คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2510

บิดาผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ศาลสั่งคำร้องว่า "สำเนาให้โจทก์จำเลย สั่งในรายงาน" โจทก์จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้านประการใด ผู้ร้องจึงดำเนินกระบวนพิจารณาในการสืบพยานและอื่น ๆ ตลอดมาพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าศาลอนุญาตให้ผู้ร้องเป็นโจทก์ร่วมแล้ว

(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2510)

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานความผิดเกี่ยวกับเพศ พยายามฆ่าคนและความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ

จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพว่าได้ทำผิดตามฟ้อง จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธ

วันนัดสืบพยาน บิดาผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องว่า "สำเนาให้โจทก์จำเลย สั่งในรายงาน" แต่ในรายงานกระบวนพิจารณาศาลชั้นต้นมิได้สั่งในเรื่องนี้อย่างไร

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามฟ้อง สำหรับจำเลยที่ ๒ ให้ยกฟ้อง

บิดาผู้เสียหายผู้ร้องอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ โดยวินิจฉัยว่าผู้ร้องไม่ใช่โจทก์ร่วม เพราะศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งอนุญาต

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า คู่ความได้รับสำเนาคำร้องของผู้ร้องแล้วมิได้คัดค้านและทุกฝ่ายตลอดจนศาลก็เข้าใจว่าผู้ร้องมีฐานะเป็นคู่ความ และทนายของผู้ร้องก็ดำเนินกระบวนในการสืบพยานและอื่นๆ ตลอดมา ในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นกล่าวว่าผู้ร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่าพฤติกรณ์ดังกล่าวถือได้ว่าผู้ร้องเป็นโจทก์ร่วมแล้ว พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่.